ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 30.02/04 แกว่งแคบ ตลาดรอปัจจัยใหม่ คาดกรอบพรุ่งนี้ 29.95-30.10

ข่าวเศรษฐกิจ Monday February 8, 2021 17:24 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 30.02/04 บาท/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ เปิดตลาดที่ระดับ 30.03/06 บาท/ดอลลาร์

วันนี้เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่ โดยตลาดยังคงจับตาดูมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของ สหรัฐฯ ในเรื่องการจ่ายเช็คช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ซึ่งในส่วนของมูลค่ายังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนว่าจะปรับเพิ่มเป็นคนละ 2,000 ดอลลาร์ จากเดิมที่จะได้คนละ 600 ดอลลาร์หรือไม่

"สัปดาห์นี้ ไม่ค่อยมีปัจจัยอะไรใหม่ ตลาดก็ยังดูเรื่องเช็คช่วยเหลือชาวอเมริกันจากผลกระทบโควิด เพราะตอนนี้เรื่องจำนวน เงินก็ยังตกลงกันไม่ได้" นักบริหารเงินระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 29.95 - 30.10 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 105.60/65 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 105.46 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2028/2035 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.2035 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,516.43 จุด เพิ่มขึ้น 19.82 จุด (+1.32%) มูลค่าการซื้อขาย 94,279 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 4,278.03 ลบ. (SET+MAI)
  • โพลล์มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชนช่วงตรุษจีน ปี 64 พบว่า มูลค่าการใช้
จ่ายปีนี้จะอยู่ที่ราว 44,939 ล้านบาท ลดลง 21.85% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีมูลค่าการใช้จ่าย 57,506 ล้านบาท ถือว่าลดลงมากสุดเป็น
ประวัติการณ์ หรือต่ำสุดในรอบ 13 ปีนับแต่เริ่มสำรวจในปี 52 จากเหตุผลของสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ประชาชนรายได้ลดลง และ
เศรษฐกิจไม่ดี
  • อาจารย์ประจำคณะเศรษฐกศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า การปรับขึ้นของราคาบิทคอยน์ที่พุ่งขึ้นมาอย่างร้อนแรง
ส่งผลให้นักลงุทนให้ความสนใจเข้ามาลงทุนมาก ซึ่งครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก แต่ในช่วงปลายปี ค.ศ.2017 ที่มูลค่าบิทคอยท์ปรับเพิ่มสูงขึ้นถึง
20 เท่ากลายเป็นที่น่าสนใจ

ทั้งนี้ จากการศึกษาการปรับตัวเพิ่มขึ้นของคริปโทเคอร์เรนซี่อื่นๆ รวมไปถึงบิทคอยน์ ไม่ได้มีความสัมพันธ์กับดัชนีตลาดหุ้น ค่า เงิน ตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆเข้ามาวิเคราะห์ แต่พบว่าการปรับตัวขึ้นของราคาเกิดจาก Sentiment ของตลาดเป็นหลัก ดังนั้นจึงแนะนำให้ ผู้ลงทุนศึกษาข้อมูลให้เพียงพอก่อนที่จะเข้าลงทุน รวมถึงประเมินความสามารถในการนำเงินมาลงทุนที่จะต้องเป็นเงินที่สามารถรับผลขาดทุน ได้ เนื่องจากมีความเสี่ยงที่เงินดังกล่าวจะหายไปทั้งหมด

  • คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ สรุปแผนการจัดหาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 โดยในเร็วๆ นี้ จะได้วัคซีนจากซิโนแวก 2
ล้านโดส และเดือนมิ.ย.64 จะจากที่สั่งซื้อกับแอสตร้า เซนเนก้าอีก 26 ล้านโดส และที่จองเพิ่มอีก 35 ล้านโดส รวมเป็น 63 ล้านโดส
ซึ่งถือว่าครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมาย
  • รัฐบาลนครปักกิ่ง จะแจกเงินดิจิทัลมูลค่า 200 หยวน หรือประมาณ 30 ดอลลาร์สหรัฐ ให้กับผู้สมัครร่วมโครงการที่ผ่าน
การคัดเลือกจำนวน 50,000 คน โดยผู้ที่ได้รับเงินจะสามารถนำไปใช้จ่ายในร้านค้าออฟไลน์ หรือแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ อย่าง JD.com
ได้ในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่กำลังจะมาถึงนี้ การดำเนินการดังกล่าว เพื่อทดสอบการใช้งานสกุลเงินดิจิทัลขอธนาคารกลางจีน
  • ธนาคารกลางจีน (PBOC) อัดฉีดเงินมูลค่า 1.1 แสนล้านหยวน (ประมาณ 1.701 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในวันนี้ ผ่าน
ทางข้อตกลง reverse repos โดยมีเป้าหมายที่จะรักษาสภาพคล่องในระบบธนาคารให้มีเสถียรภาพ ก่อนวันหยุดเทศกาลตุรษจีน
  • ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงอันดับความน่าเชื่อถือของญี่ปุ่นเอาไว้ที่ A พร้อมกับให้แนวโน้มความน่าเชื่อถือเป็นลบ เนื่องจาก
การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจและการคลังของญี่ปุ่นมีความเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะขาลง
  • นักลงทุนติดตามข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ความเห็นของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ความคืบหน้าเกี่ยวกับการ

ผลักดันมาตรการกระตุ้นทางด้านการคลังของรัฐบาลไบเดน การกระจายวัคซีนทั่วโลก รวมถึงราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่พุ่งขึ้นต่อเนื่องแตะ

ระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี ซึ่งมีผลต่อการคาดการณ์เงินเฟ้อ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ