นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 29.86/90 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากช่วง เช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 29.90 บาท/ดอลลาร์
วันนี้เงินบาทค่อนข้างเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ภาพรวมตลาดค่อนข้างเงียบ เนื่องจากตลาดทางฝั่งจีนปิดทำการในช่วงเทศกาล ตรุษจีน และตลาดฝั่งสหรัฐอเมริกาปิดทำการ เนื่องในวันประธานาธิบดี ประกอบกับยังไม่มีปัจจัยใหม่ที่จะมีผลต่อทิศทางของค่าเงินมากนัก
นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 29.80-30.00 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 105.40 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 105.09 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2135 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.2121 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,522.72 จุด เพิ่มขึ้น 14.37 จุด (+0.95%) มูลค่าการซื้อขาย 106,652 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,618.67 ลบ.(SET+MAI)
- สภาพัฒน์ เผย GDP ไตรมาส 4/63 หดตัว -4.2% ขณะที่ทั้งปี 63 หดตัว -6.1% พร้อมปรับลดคาดการณ์ GDP ทั้งปี 64
เหลือ 2.5-3.5% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ 3.5-4.5% เนื่องจากมีสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบใหม่ในประเทศ อย่างไร
ก็ดี แม้ GDP ปีนี้จะพลิกกลับมาเติบโต แต่ยังไม่ถือว่าเป็นการเติบโตที่เต็มศักยภาพ
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุ เศรษฐกิจไทยปี 63 หดตัวน้อยกว่าที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)
คาดไว้ แม้จะเป็นการหดตัวสูงสุดในรอบ 2 ทศวรรษก็ตาม ซึ่งเชื่อว่าน่าจะได้รับปัจจัยจากการบริโภคภาคเอกชนที่กลับมาขยายตัว จากแรง
สนับสนุนจากมาตรการภาครัฐอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการส่งออกที่ปรับตัวดีขึ้นตามเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า
- ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ มีมติเห็นชอบการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกันตน ตามมาตรา 33 ของ พ.ร.บ.ประกัน
สังคม ในโครงการ "ม33 เรารักกัน" ซึ่งผู้ที่มีสิทธิจะได้รับเงินโอนคนละ 4,000 บาท สามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 21 ก.พ.-7 มี.
ค.นี้
- ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐ จะหยิบยกประเด็นในเรื่องการตอบสนองต่อการแพร่ระบาด
ของโรคโควิด-19 ทั่วโลก รวมถึงความท้าทายทางเศรษฐกิจทั่วโลกอันเนื่องมาจากการดำเนินการของจีน มาหารือในการประชุมเสมือน
จริงของกลุ่มประเทศ G7 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันศุกร์นี้ (19 ก.พ.) โดยมีนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังฤษเป็นประธาน
- นักวิเคราะห์ คาดการณ์ว่า อินเดียน่าจะกลายเป็นประเทศที่มีการผลิตวัคซีนต้านโควิด-19 มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก
รองจากสหรัฐ เพราะอินเดียมีความสามารถในการผลิตสูงมาก จนเพียงพอต่อความต้องการของทั้งอินเดียและประเทศอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น
การคิดค้นวัคซีนและผลิตเอง หรือรับจ้างผลิตให้กับบริษัทต่างชาติ