เอกชนเสนอรัฐชะลอ/ยกเลิกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯเพื่อแบ่งเบาภาระต้นทุน

          ผู้ประกอบการขนส่งทางถนนเสนอรัฐชะลอหรือยกเลิกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระต้นทุนเนื่องจากปัญหาราคาน้ำมันแพง ซึ่งหากแบกรับไม่ไหวอาจต้องปรับขึ้นค่าขนส่ง 
          นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ที่ปรึกษาสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันอยู่ที่ลิตรละ 26.94 บาท และพรุ่งนี้จะปรับเพิ่มเป็นลิตรละ 27.34 บาท ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการให้บริการของผู้ประกอบการรถบรรทุกสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างมาก 
          สหพันธ์ฯ ได้เรียกร้องรัฐบาลจะต้องเข้ามาช่วยเหลือผู้ประกอบการ ได้แก่ ขอให้ชะลอหรือยกเลิกการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งปัจจุบันจัดเก็บอยู่ในอัตราลิตรละ 1.50 บาทเป็นการชั่วคราวจนกว่าสถานการณ์ราคาน้ำมันดีเซลโลกมีแนวโน้มลดลง หรือทรงตัวไม่เกินลิตรละ 24-25 บาท
          รวมทั้งขอให้รัฐบาลสนับสนุนนโยบายพลังงานทางเลือกอย่างเป็นรูปธรรม ไม่ว่าจะเป็น การใช้เอ็นจีวี ไบโอดีเซล หรือแก๊สโซฮอล์ ขณะเดียวกันก็ควรตรึงราคาเอ็นจีวีให้อยู่ที่กิโลกรัมละ 8.50 บาท เป็นระยะเวลา 3-5 ปี เพื่อให้ผู้ประกอบการขนส่งและผู้ประกอบการอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ที่ใช้เอ็นจีวีได้มีโอกาสปรับตัว
          ภาครัฐควรขยายเวลายกเว้นภาษีอากรขาเข้าและภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการนำเข้าเครื่องยนต์เอ็นจีวี และอุปกรณ์ส่วนประกอบทั้งหมดในช่วง 3-5 ปีแรก พร้อมทั้งให้การสนับสนุนจัดหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำจากต่างประเทศ หรือสถาบันการเงินของรัฐ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการภาคขนส่ง และภาคเษตรกรรม
          ทั้งนี้ สหพันธ์ฯ จะนำข้อเรียกร้องนี้ไปเสนอให้ พล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ รมว.คมนาคม และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องภายในสัปดาห์หน้า โดยหากภาครัฐไม่สามารถช่วยเหลือผู้ประกอบการได้หรือยังคงนิ่งเฉย ผู้ประกอบการก็ต้องปรับขึ้นค่าขนส่งตามต้นทุนที่เปลี่ยนแปลงไป
          "ขณะนี้ราคาน้ำมันได้ปรับเพิ่มลิตรละกว่า 5 บาทแล้ว แต่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ก็ยังไม่ปรับค่าขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้น เพราะไม่ต้องการให้ผู้บริโภคเดือดร้อน แต่หากรัฐไม่ช่วยเราก็จำเป็นต้องปรับเพิ่มค่าขนส่งตามเกณฑ์คือ เมื่อราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มลิตรละ 1 บาท จะปรับค่าขนส่งสินค้าในอัตรากิโลกรัมละ 25 สตางค์(คิดตามน้ำหนักบรรทุก)" นายอภิชาติ กล่าว