ภาวะตลาดเงินบาท: บาทปิด 30.56 แข็งค่าหลังบอนด์ยีลสหรัฐย่อลง มองกรอบพรุ่งนี้ 30.50-30.65

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday March 11, 2021 17:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ที่ระดับ 30.56 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากเปิดตลาด เมื่อเช้าที่ระดับ 30.69 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทแข็งค่าจากช่วงเช้า เนื่องจากดอลลาร์อ่อนค่า หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐย่อตัวลง โดยระหว่างวันเงินบาท เคลื่อนไหวตามภูมิภาคและตลาดโลก ในกรอบ 30.55-30.70 บาท/ดอลลาร์ โดยคืนนี้ นักลงทุนรอดูผลประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB)

"บาทแข็งค่าต่อเนื่อง ตามภูมิภาคและตลาดโลก หลังดอลลาร์อ่อนค่า เนื่องจาก Bond Yield ย่อตัวลง" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบเงินบาทวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 30.50 - 30.65 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 108.50 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 108.48 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1962 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1919 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,575.13 จุด เพิ่มขึ้น 2.08 จุด (+0.13%) มูลค่าการซื้อขาย 102,012 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 601.39 ลบ.(SET+MAI)
  • ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 8:1 วินิจฉัยว่า รัฐสภามีหน้าที่และอำนาจจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ โดยต้องให้ประชาชนผู้มี
อำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญได้ลงประชามติก่อนว่าประสงค์จะให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ และเมื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้ว ต้องให้
ประชาชนลงประชามติอีกครั้งว่าเห็นชอบหรือไม่กับร่างรัฐธรรมนูญใหม่
  • ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.64 อยู่ที่ 49.4 ปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือนนับตั้งแต่ธ.ค.63 เนื่องจากผู้บริโภค
เริ่มคลายกังวลกับการระบาดของไวรัสโควิด หลังเริ่มเห็นการกระจายวัคซีนในประเทศไทย ประกอบกับมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อของภาครัฐ ส่ง
ผลให้มีการจับจ่ายใช้สอยในประเทศมากขึ้น ซึ่งล่าสุดเม็ดเงินลงไปหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจแล้วเกือบ 1 แสนล้านบาท ซึ่งน่าจะมีส่วนผลักดัน
ให้ GDP ในไตรมาส 1/64 เติบโตได้ 1-2% จากเดิมที่คาดว่าจะหดตัว -1 ถึง -2% โดยทั้งปีนี้มีโอกาสจะเห็น GDP เติบโตได้ในระดับ 3%
  • บริษัท Rating and Investment Information, Inc. (R&I) ซึ่งเป็นบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำของประเทศ
ญี่ปุ่น ได้คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย ที่ A- และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Outlook) อยู่ในระดับมีเสถียรภาพ
(Stable Outlook) ซึ่งแสดงถึงความเชื่อมั่นในแนวทางการดำเนินโยบายของรัฐบาล และทิศทางการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งมี
แนวโน้มที่จะฟื้นตัวและเติบโต
  • สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 220 ต่อ 211 ผ่านร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์แล้ว
หรือในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย และจะส่งร่างกฎหมายดังกล่าวไปยังประธานาธิบดีโจ ไบเดน เพื่อลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป
  • คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) เห็นพ้องกับแถลงการณ์ของประธาน UNSC ที่ประณามการใช้กำลังทหารของกอง
ทัพเมียนมาในการปราบปรามผู้ประท้วงต่อต้านการทำรัฐประหารในเดือนก.พ.ที่ผ่านมา
  • ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) ได้ระงับการให้เงินทุนแก่โครงการของรัฐบาลเมียนมาชั่วคราว เพื่อตอบโต้การที่กอง
ทัพเมียนมาก่อเหตุรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 ก.พ.
  • นายกรัฐมนตรีจีน กล่าวถึงเป้าหมายผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) สำหรับปี 2564 ซึ่งรัฐบาลจีนกำหนดไว้ที่ระดับกว่า
6% นั้น ไม่ถือว่าเป็นระดับที่ต่ำ เมื่อพิจารณาจากขนาดของเศรษฐกิจจีน ซึ่งการที่รัฐบาลตั้งเป้า GDP ไว้ที่ระดับดังกล่าวนั้น เพื่อชี้นำความคาดหวัง
ในส่งเสริมการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และผลักดันการพัฒนาที่มีคุณภาพสูง
  • ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน พร้อมแถลงมติอัตราดอกเบี้ย
  • ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่รอเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค

เดือนมี.ค. เป็นต้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ