ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 30.78/80 กลับมาอ่อนค่าช่วงท้ายตลาด หลังดอลล์แข็งจากบอนด์ยีลสหรัฐปรับขึ้น

ข่าวเศรษฐกิจ Friday March 12, 2021 17:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 30.78/80 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากช่วง เช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 30.55/56 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทระหว่างวันค่อนข้าง swing และเริ่มมาในทิศทางอ่อนค่าช่วงท้ายตลาด ซึ่งเป็นผลจากดอลลาร์สหรัฐกลับมาแข็งค่า เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (Bond Yield) ปรับเพิ่มขึ้น โดยสัปดาห์หน้าต้องติดตามผลการประชุมธนาคารกลาง สหรัฐ (เฟด) ว่าจะมีการออกมาให้ความเห็นหรือส่งสัญญาณใดๆ ต่อกรณีผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐบ้าง

นักบริหารเงิน คาดว่า สัปดาห์หน้าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 30.50 - 31.00 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 109.11/12 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 108.64/65 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1912/1915 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1983/1987 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,568.19 จุด ลดลง 6.94 จุด (-0.44%) มูลค่าการซื้อขาย 84,023 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 822.94 ลบ. (SET+MAI)
  • นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า วันนี้ได้มีการทยอยส่งรายชื่อรัฐมนตรีเข้ามาแล้ว โดยเชื่อว่า
ภายในสัปดาห์หน้าทุกอย่างจะเรียบร้อย
  • กระทรวงสาธารณสุข ชะลอการฉีดวัคซีนจากแอสตร้าเซนเนก้าให้แก่นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีตามกำหนดเดิมในวันนี้
ออกไปก่อน โดยขอรอดูผลด้านความปลอดภัย ภายหลังเดนมาร์ก และอีก 6 ประเทศในยุโรป สั่งระงับการฉีดวัคซีนจากบริษัทดังกล่าว เหตุ
พบผู้รับวัคซีนมีภาวะลิ่มเลือดอุดตัน
  • ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics คาดว่าหากครึ่งหลังของปี 2564 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ
เดินทางกลับเข้ามาไทยได้อย่างน้อย 1.25 ล้านคน จะทำให้มีรายได้จากการท่องเที่ยวหมุนเวียนในระบบเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 6.4 หมื่นล้าน
บาท
  • รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของฝรั่งเศสได้ประกาศยืนยันว่า ฝรั่งเศสจะดำเนินการฉีดวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ของแอสต
ร้าเซนเนก้าต่อไป แม้ว่าบางประเทศในภูมิภาคยุโรปได้ตัดสินใจระงับการฉีดวัคซีนดังกล่าวชั่วคราว หลังจากมีรายงานกรณีการเกิดภาวะลิ่ม
เลือดอุดตันในผู้ที่ได้รับวัคซีนบางราย
  • ราคาบิตคอยน์พุ่งขึ้นใกล้แตะระดับสูงสุดที่เคยทำไว้ในเดือนก.พ. โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนมีมุมมองเชิงบวกต่อ
ภาวะการซื้อขายที่คึกคักในตลาดการเงิน หลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้ลงนามในร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐวงเงิน 1.9
ล้านล้านดอลลาร์
  • กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนจะขยายตัวขึ้น 8.1% ในปีนี้ ซึ่งหมายความว่าเป้า
หมายที่ระดับกว่า 6% ที่จีนได้ตั้งไว้ น่าจะบรรลุได้ไม่ยาก โดยเฉพาะเมื่อคำนึงถึงการฟื้นฟูเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็วของจีน รวมถึงผล
กระทบพื้นฐาน (base effects) จากการที่สถานการณ์โรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีที่ผ่านมา
  • ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของอังกฤษหดตัวลงน้อยกว่าคาด 2.9% ในเดือนม.ค.หลังจากประเทศกลับสู่
ภาวะล็อกดาวน์อีกครั้ง แต่การค้ากับสหภาพยุโรป (EU) ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงในช่วงเริ่มความสัมพันธ์การค้าหลังสหราชอาณาจักร
แยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
  • นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 16-17 มี.ค.นี้ เพื่อดูท่าทีของเฟด
เกี่ยวกับแนวโน้มการดีดตัวขึ้นของเงินเฟ้อที่เป็นผลมาจากการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล
สหรัฐ
  • ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญในสัปดาห์หน้า ได้แก่ ดัชนีภาคการผลิต, ยอดค้าปลีกเดือนก.พ., ดัชนีตลาดที่อยู่

อาศัยเดือนมี.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ