ADB คง GDP ไทยปี 50-51 มองเสียโอกาสเหตุลงทุนโครงสร้างพื้นฐานน้อย

          นายฌอง ปิแอร์ เวอร์บิสต์ ผู้อำนวยการสำนักงานผู้แทน ธนาคารพัฒนาเอเชีย(ADB) ประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า ADB ได้คงประมาณการอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจ(จีดีพี)ไทยในปีนี้ไว้ที่ระดับเดิม คือ 4% เนื่องจากความไม่แน่นอนทางการเมืองยังคงส่งผลกระทบต่อความไม่เชื่อมั่นทางการเมืองและการลงทุนภาคเอกชน 
          ADB คาดว่า การบริโภคภาคเอกชนจะขยายตัวเพียง 2% ขณะที่การลงทุนขยายตัว 2% ลดลงจากที่คาดการณ์ไว้ที่ 5% เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา มีเพียงการส่งออกที่ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยในครึ่งปีแรกการส่งออกขยายตัว 18.4% และคาดว่าทั้งปีนี้จะขยายตัว 12.5%
          "ไทยยังเป็นประเทศเดียวที่เศรษฐกิจขยายตัวต่ำต่างจากประเทศอื่นทั้งในภูมิภาคเดียวกันและต่างภูมิภาคที่เอดีบีปรับประมาณการขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะฟิลิปปินส์ถูกปรับเพิ่มขึ้นเป็น 6.2% หลังจากจีดีพีในครึ่งแรกของปีสูงสุดในรอบ 20 ปี ขณะที่ จีน เวียดนาม และอินโดนีเซีย ปรับเป็น 11.2%,8.3% และ 6.2%ตามลำดับ ส่งผลให้เอดีบีปรับตัวเลขจีดีพีโดยรวมของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จาก 5.1% เป็น 6.1%"นายฌอง ปิแอร์ กล่าว
          นอกจากนี้ ADB มองว่าในช่วงครึ่งปีหลังการส่งออกไทยจะถูกกระทบจากค่าปัญหาการแข็งค่าเงินบาท และการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้ ซึ่ง ADB ได้ปรับลดจีดีพีของสหรัฐจาก 2.5% หรือเพียง 1.9%  แต่ไทยยังมีปัจจัยสนับสนุนจากการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นช่วงปลายปี ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการอุปโภคบริโภคในประเทศฟื้นตัวขึ้น แต่ยังไม่ได้เป็นปัจจัยสนับสนุนให้จีดีพีในปีนี้เร่งตัวสูงขึ้นกว่า 4%
          ขณะเดียวกันเศรษฐกิจไทยยังถูกกระทบจากปัญหาราคาน้ำมันแพง ซึ่งเดิม ADB เคยประมาณการไว้ที่ 64 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล แต่ล่าสุดสัปดาห์ก่อนราคาเร่งขึ้นเป็น 80 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล 
          “เราปรับจีดีพีให้กับทุกประเทศยกเว้นไทย ซึ่งในปีนี้การเติบโตต่ำกว่าศักยภาพที่เป็น ขณะที่กราฟจีดีพีประเทศอื่นเติบโตขึ้น แต่ของไทยลดลง แสดงถึงไทยกำลังสูญเสียโอกาสการแข่งขัน เพราะไทยลงทุนโดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานน้อยซึ่งเท่ากับวิ่งตามการลงทุนประเทศคู่แข่ง แต่ถือว่าไทยยังมีช่องทางเติบโตได้อีกถึง 7% ในอนาคต"นายฌองปิแอร์ ระบุ
          สำหรับปี 51 นั้น ADB คงให้ตัวเลขการขยายตัวของเศรษฐกิจที่ 5% ตามเดิม รวมปัจจัยบวกจากการเลือกตั้งแล้ว แต่ทั้งนี้ขึ้นกับนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่ต้องลงทุนวางระบบสาธารณูปโภคเพื่อฟื้นความเชื่อมั่นการอุปโภคบริโภค การลงทุนภาคเอกชน และเพื่อประสิทธิภาพการแข่งขันในระยะยาว
          “เราไม่ห่วงไทยในเรื่องการจัดการเศรษฐกิจมหภาคเพราะได้ดี แต่ห่วงนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนแบบยืดหยุ่นซึ่งควรต้องใช้ต่อไปเพราะว่าแรงกดดันต่อเงินบาทยังมีสูง และเร่งแก้ไขสภาแวดล้อมการลงทุนดีขึ้น"นายฌองปิแอร์ ระบุ
          ขณะเดียวกัน ADB ยังพร้อมให้การสนับสนุนด้านการเงินกับไทยในโครงการวางระบบสาธารณูปโภค แต่ขึ้นอยู่กับรัฐบาลไทย  
โดยที่ผ่านมา ADB ได้เป็นที่ปรึกษาในด้านนี้แก่รัฐบาลมาแล้ว