นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 31.30/32 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากช่วง เช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 31.24 บาท/ดอลลาร์
เย็นนี้เงินบาทอ่อนค่าจากเช้า แต่ระหว่างวันยังเคลื่อนไหวในกรอบแคบ เพราะวันนี้ยังไม่ค่อยมีปัจจัยที่มีผลกับค่าเงินบาทมาก นัก โดยนักลงทุนรอติดตามการรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ คืนนี้ ส่วนคืนวันพรุ่งนี้ รอดูตัวเลขการจ้าง งานนอกภาคเกษตรเดือนมี.ค.ของสหรัฐ
นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.20 -31.40 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 110.80/82 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 110.65 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1737/1740 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1728 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,595.12 จุด เพิ่มขึ้น 7.91 จุด (+0.50%) มูลค่าการซื้อขาย 76,941 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,159.45 ลบ.(SET+MAI)
- รมว.คลัง ยืนยันว่ารัฐบาลยังคงรักษาวินัยการเงินการคลัง โดยหนี้สาธารณะยังอยู่ในกรอบตามที่กฎหมายกำหนดไว้ไม่เกิน
60% ต่อจีดีพี แม้จำเป็นจะต้องมีการกู้เงินเพื่อนำมาใช้สำหรับชดเชยการขาดดุลงบประมาณก็ตาม พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้ถังแตกแน่
นอน และมองว่าในอนาคตรัฐบาลยังจำเป็นต้องกู้เงินเพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาระบบเศรษฐกิจ และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของ
ประเทศ เพื่อช่วยให้คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้น
- โฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า โครงการคนละครึ่งและโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 2 ได้สิ้นสุดแล้วเมื่อวันที่ 31 มี.
ค.64 โดยมียอดการใช้จ่ายตลอดโครงการ 102,065 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 52,251 ล้านบาท และภาครัฐร่วมจ่ายอีก
49,814 ล้านบาท โดยมีผู้ใช้สิทธิทั้งสิ้น 14,793,502 คน จากเป้าหมาย 15 ล้านคน
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัวขึ้นจากวิกฤติโควิด-19 น่าจะทำให้เงินกู้ยืมของภาคครัว
เรือนปี 64 มีโอกาสเติบโตสูงขึ้นกว่าปี 63 ที่เติบโตเพียง 3.9% ส่งผลต่อเนื่องให้หนี้ครัวเรือนขยับขึ้นมาอยู่ในกรอบประมาณ 89-91% ต่อ
จีดีพีในปีนี้ เทียบกับปี 63 ที่ระดับหนี้ครัวเรือนทะลุ 14 ล้านล้านบาท ซึ่งนับเป็นจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 18 ปี โดยหนี้ครัวเรือนดังกล่าวคิด
เป็น 89.3% เมื่อเทียบกับจีดีพีในปี 63
- รมว.คลังสหรัฐ ประกาศว่าจะสั่งการให้คณะทำงานด้านกฎระเบียบทำการประเมินความเสี่ยงที่เกิดจากเฮดจ์ฟ้นด์ โดยแผน
การดังกล่าวมีขึ้น หลังจากตลาดการเงินเผชิญกับภาวะผันผวนอย่างหนักเมื่อไม่นานมานี้ อันเนื่องมาจากกรณีที่กองทุนเฮดจ์ฟันด์ Archegos
Capital Management ผิดนัดชำระหนี้ในการเพิ่มหลักประกันการกู้ยืมเงินเพื่อการลงทุน
- ธนาคารกลางจีนได้อัดฉีดเงิน 1 หมื่นล้านหยวน (ราว 1.52 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ผ่านทางข้อตกลง reverse
repos ประเภทอายุ 7 วันในวันนี้ และกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่ 2.2% โดยมีเป้าหมายที่จะรักษาสภาพคล่องในระบบธนาคารให้เพียงพอ
- ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีน ขยายตัวในอัตราต่ำที่สุดในรอบเกือบ 1 ปีในเดือนมี.ค. เนื่องจากอุป
สงค์ภายในประเทศอ่อนแอลง โดยดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนมี.ค.64 ลดลงสู่ระดับ 50.6 ซึ่งเป็นการขยายตัวในอัตราต่ำที่สุดนับตั้งแต่
เดือนเม.ย.63 นอกจากนี้ ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนมี.ค. ยังสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะดีดตัวขึ้นแตะระดับ 51.3