ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเคลื่อนไหวอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรที่ตลาดฮ่องกงบ่ายวันนี้ (10 ต.ค.) จากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ ซึ่งส่งผลให้สินทรัพย์ในรูปสกุลเงินดอลลลาร์สหรัฐไม่เป็นที่ดึงดูดใจแก่นักลงทุน โดยเฟดอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% ในที่ประชุมวันที่ 31 ต.ค. หลังจากที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายได้ส่งสัญญาณในที่ประชุมเมื่อเดือนที่ผ่านมาว่า อัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ ขณะที่การขยายตัวทางเศรษฐกิจอาจชะลอตัวลงในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ มาร์ก วาน รองประธานฝ่ายนโยบายการคลังจากธนาคารดีเอสบี แบงก์ ในฮ่องกง กล่าวว่า "เฟดอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกระลอก ซึ่งจะทำให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงอีกครั้งเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญอื่นๆ" สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า ณ เวลา 13.14 น. ตามเวลาใปนระเทศไทย ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นแตะที่ 1.414 ดอลลาร์ต่อยูโร จากระดับ 1.411 ดอลลาร์ต่อยูโรที่ตลาดปริวรรตเงินตราออสเตรเลียเช้านี้ จากระดับปิดที่ 1.410 ดอลลาร์ต่อยูโรที่ตลาดนิวยอร์กคืนวานนี้ โดยเงินยูโรร่วงลงแตะระดับต่ำสุดที่ 1.4105 ดอลลาร์ต่อยูโรในช่วงเที่ยงวันนี้ก่อนที่จะดีดตัวขึ้นในเวลาต่อมา ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงแตะ 117.24 เยนต่อดอลลาร์ จากระดับ 117.17 เยนต่อดอลลาร์ในเช้าวันนี้ และจากระดับ 117.20 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงต่ำสุดที่ระดับ 117.12 เยนต่อดอลลาร์ในช่วงเที่ยงของวันนี้ "โดยภาพรวมแล้ว นักลงทุนยังมีมุมมองว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะยังเผชิญความผันผวน แต่ภาวะดังกล่าวจะไม่ถึงกับเลวร้ายมากนัก" โดยนายวานคาดว่า ค่าเงินยูโรอาจพุ่งแตะระดับ 1.44 ดอลลาร์ต่อยูโรในสองสัปดาห์ข้างหน้า และอาจเคลื่อนไหวในกรอบ 1.40 -1.42 ดอลลาร์ต่อยูโรจนถึงช่วงการประชุม G-7 ในสัปดาห์หน้า