(เพิ่มเติม1) บอร์ด กนง.มีมติคงดอกเบี้ยอาร์/พี 1 วันไว้ที่ 3.25% ตามตลาดคาด

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday October 10, 2007 14:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันนี้ มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันไว้ที่ร้อยละ 3.25 ต่อปี หลังจากที่ประชุมวันนี้ระบุว่า ขณะนี้เศรษฐกิจไทยมีสัญญาณที่ดีขึ้น การบริโภคและการลงทุนมีแนวโน้มขยายตัวดี ขณะที่เงินเฟ้อเร่งตัว ตามราคาน้ำมันและสินค้าอุปโภคบริโภคบางตัว 
กนง.ประเมินว่า แนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยอยู่ในระดับใกล้เคียงกับการประชุมครั้งก่อน ขณะที่ความเสี่ยงต่ออัตราเงินเฟ้อปรับสูงขึ้นเล็กน้อย แต่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะยังอยู่ในเป้าหมายตลอด 8 ไตรมาสข้างหน้า แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ แต่ในระยะต่อไปมีความเสี่ยงที่แรงกดดันด้านราคาที่เพิ่มขึ้น จากราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นและแนวโน้มการปรับขึ้นราคาสินค้าและบริการจำเป็นบางประเภท
ส่วนปัญหาปัญหาซับไพร์มในสหรัฐ แม้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อประเทศไทยไม่มาก แต่มีโอกาสยืดเยื้อ ซึ่งจะต้องมีการติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป
นางสุชาดา กิระกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า ธปท.จะปรับประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจของไทยในปี 50 และปี 51 ในการรายงานแนวโน้มเงินเฟ้อที่จะเผยแพร่ในวันที่ 19 ต.ค.นี้ ซึ่งคาดว่าจากนี้ไปตัวเลขคาดการณ์ต่าง ๆ คงจะไม่ปรับเปลี่ยนไปมากแล้ว เนื่องจากขณะนี้กำลังเข้าสู่ไตรมาสสุดท้ายของปีแล้ว
ขณะนี้ภาวะเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวอย่างช้า ๆ ทำให้ธปท.มีเวลามากขึ้นที่จะรอดูสถานการณ์หลังจากที่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปถึง 5 ครั้งแล้วก่อนหน้านี้โดยภาวะเศรษฐกิจในระยะสั้นยังไม่เปลี่ยนแปลงจากการประชุม กนง.ครั้งก่อน แม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวไปบ้าง แต่ก็ได้รับการชดเชยจากเศรษฐกิจเอเชียที่ขยายตัวได้ดี
ที่ประชุมกนง.ให้ความสำคัญต่อการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศที่แข็งแกร่งขึ้น โดยเครื่องขี้การอุปโภคบริโภคในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาเร่งตัวขึ้นแล้ว ส่วนแนวโน้มช่วงที่เหลือของปีน่าจะฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับ การใช้จ่ายของรัฐเร่งตัวขึ้น ดังนั้น ขณะนี้ธปท.จึงพยายามสร้างบรรยากาศให้สภาพคล่องทางการเงินเอื้อต่อการขยายตัวของการบริโภคและการลงทุนในประเทศ
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ธปท.ได้เสนอทางเลือกให้ กนง.พิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยด้วยเช่นกัน แต่น้ำหนักของเหตุผลประกอบการพิจารณามีไม่มากนัก เพราะมองว่าแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจดีขึ้นจากการประชุมครั้งก่อน ขณะเดียวกันอัตราเงินเฟ้อก็เร่งตัวขึ้นด้วย จึงเห็นว่าภาวะเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยในขณะนี้มีความเหมาะสมแล้ว ส่วนความเสี่ยงจากปัจจัยการเมืองก็มีน้อยลง หลังจากการเลือกตั้งชัดเจนขึ้น
นางสุชาดา กล่าวว่า ในการประชุมกนง.ครั้งนี้ได้พิจารณข้อมูลสมมติฐานราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นจากครั้งก่อนประมาณ 80 เซ็นต์หลังจากเห็นสัญญาณการเร่งตัวขึ้นของราคาน้ำมันตั้งแต่เดือน ก.ย.ที่ผ่านมา โดยสมมติฐานราคาน้ำมันดิบครั้งนี้อยู่ที่ 63.80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
สำหรับสถานการณ์ปัญหาซับไพร์มของสหรัฐในขณะนี้ ที่ประชุม กนง.ได้หยิบยกขึ้นมาหารือกันและเห็นว่ายังไม่กระทบต่อไทยมากนัก ขณะที่การปรับลดดอกเบี้ยครั้งล่าสุดของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ที่ทำให้ส่วนต่างกับอัตราดอกเบี้ยของไทยเพิ่มขึ้นมาที่ 1.5% นั้น ยังถือว่าห่างกันไม่มาก
นางสุชาดา ยังกล่าวถึงการส่งผ่านนโยบายการเงินไปยังธนาคารพาณิชย์หลังจากกนง.ได้ปรับลดดอกเบี้ยลงอย่างต่อเนื่องก่อนหน้านี้ว่า โครงสร้างทางการเงินและต้นทุนของแต่ละธนาคารมีความแตกต่างกัน ทำให้ธนาคารแต่ละแห่งมีนโยบายการปรับลดอัตราดอกเบี้ยแตกต่างกันด้วย
นอกจากนั้น ปัญหาสินเชื่อในตลาดซับไพร์มที่เกิดขึ้นกับสหรัฐ ทำให้ธนาคารพาณิชย์ต่างก็ระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้น
ซึ่งอาจมีการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมสินเชื่อ ทำให้ดอกเบี้ยเงินกู้ที่คิดกับผู้กู้เงินไม่ได้ปรับลดลง แม้ว่าดอกเบี้ยที่แท้จริงจะลดลงแล้วก็ตาม

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ