นักวิเคราะห์กล่าวว่า การบรรลุข้อตกลงเพื่อสันติภาพและความร่วมมือทางเศรษฐกิจของผู้นำเกาหลีเหนือ-ใต้จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เคลื่อนไหวแข็งแกร่งในระยะยาว โดยชี้ว่าปัจจัยเสี่ยงทางการเมืองที่คลี่คลายลงจะช่วยดูดเม็ดเงินลงทุนต่างชาติมากขึ้น อีกทั้งความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นจะช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจที่สดใสให้กับบริษัทในประเทศ สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ดัชนีคอมโพสิตปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2,014.09 จุด ขานรับความเคลื่อนไหวที่ประธานาธิบดีโรห์ มู-ฮุนของเกาหลีใต้เดินทางเข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำเกาหลีครั้งที่สองกับนายคิม จอง-อิล ผู้นำเกาหลีเหนือ โดยในวันสุดท้ายของการประชุมสุดยอดที่จัดขึ้นในกรุงเปียงยาง ผู้นำทั้งสองได้ร่วมลงนามในปฏิญญาว่าด้วยสันติภาพและความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ซึ่งทั้งสองฝ่ายประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนแปลงสนธิสัญญาสงบศึกเป็นสนธิสัญญาสันติภาพ พร้อมทั้งจัดตั้งโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจมากขึ้น โดยจะเริ่มที่เขตเศรษฐกิจพิเศษในเมืองเฮจูเป็นจุดแรก และขยายความร่วมมือด้านการประมงในบริเวณน่านน้ำที่เคยมีปัญหาขัดแย้งกันมานาน นายฮู นาม-กวอน นักวิเคราะห์จากบริษัทชินยัง อินเวสเม้นท์ ทรัสต์ แอนด์ เมเนทเม้นท์ ฟันด์กล่าวว่า "ข้อตกลงที่มีขึ้นในหลายประเด็นจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นเกาหลีใต้ในระยะยาว" ขณะที่นายอาห์ แต-กังกล่าวว่า การคาดการณ์เกี่ยวกับโครงการพัฒนาเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นในเกาหลีเหนือ หลังจากที่ผู้นำของสองเกาหลีได้บรรลุข้อตกลงแผนการความร่วมมือทางเศรษฐกิจจำนวนมากว่า จะช่วยหนุนหุ้นกลุ่มก่อสร้างหลายตัว อาทิ หุ้นฮุนได เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น หุ้นเคปโค และหุ้นปอสโคให้เป็นที่สนใจของนักลงทุน