ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลยูโรที่ตลาดปริวรรตเงินตราฮ่องกงบ่ายวันนี้ (9 ต.ค.) จากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมต่อไปในเดือนนี้ กระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดอาจตรึงอัตราดอกเบี้ยไปจนถึงสิ้นปีนี้มีขึ้นหลังจากที่นักลงทุนคาดว่า ยอดค้าปลีกเดือนก.ย.และตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆที่มีกำหนดจะรายงานออกมาในสัปดาห์นี้จะช่วยเพิ่มน้ำหนักในการประเมินเศรษฐกิจสหรัฐว่า จะไม่ทรุดตัวลงอย่างที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ หลังจากที่เกิดวิกฤตซับไพรม์สหรัฐในเดือนส.ค. ทิม กอนดอน นักวิเคราะห์จากไอเอ็นจี ไฟแนนเชียล มาร์เก็ตส์ในสิงคโปร์กล่าวว่า "เงินดอลลาร์เริ่มแข็งค่าขึ้น ขณะที่เงินสกุลยูโรอ่อนค่าลง โดยตัวเลขทางเศรษฐกิจที่มีขึ้นเมื่อช่วงที่ผ่านมาได้ช่วยผ่อนคลายความวิตกกังวลของนักลงทุน และยังช่วยลดความจำเป็นที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยลงอย่างเร็วที่สุดในเดือนต.ค." สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า ณ เวลา 12.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย ค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวที่ระดับ 1.4022 ดอลลาร์ต่อยูโร ปรับตัวลดลงจากระดับ 1.4051 ดอลลาร์ต่อยูโรที่ตลาดปริวรรตเงินตราออสเตรเลียเช้านี้ จากระดับ 1.4045 ดอลลาร์ต่อยูโรที่ตลาดปริวรตเงินตรานิวยอร์กคืนวานนี้ ทั้งนี้ ตัวเลขจ้างงานสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 110,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 100,000 ตำแหน่ง ขณะที่ตัวเลขจ้างงานที่ได้มีการทบทวนในเดือนส.ค.ขยายตัวขึ้น 89,000 ตำแหน่ง สวนทางกับที่ประเมินไว้ว่าจะร่วงลง 4,000 ตำแหน่ง ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางญี่ปุ่น(บีโอเจ) จะประชุมกันในสัปดาห์นี้ ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายของบีโอเจจะยังตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.5% ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุดในบรรดากลุ่มประเทศอุตสาหกรรมของโลก