คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนแห่งชาติของอินโดนีเซีย (BKPM) กล่าวว่า การลงทุนที่เพิ่มขึ้นและอัตราเงินเฟ้อ เป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้เศรษฐกิจของอินโดนีเซียเติบโตที่ระดับ 6.3% ตามที่รัฐบาลได้ตั้งเป้าไว้ในปีนี้ หนังสือพิมพ์จาการ์ต้า โพสต์ รายงานโดยอ้างการรายงานซึ่งเผยแพร่โดย BKPM ว่า ยอดการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ(FDI) ที่แท้จริงในช่วงสิ้นสุดเดือนก.ย.2550 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าที่ 8.54 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในภาคการคมนาคมขนส่ง และการสื่อสาร จากเดิมที่ระดับ 4.29 พันล้านดอลลาร์ ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว BKPM กล่าวว่า การอนุมัติการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าในช่วงเวลาดังกล่าว แตะระดับ 3.303 หมื่นดอลลาร์ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในภาคอุตสาหกรรมเคมี ขณะที่ตัวเลขการลงทุนภายในประเทศ เพิ่มขึ้น 58% แตะระดับ 171.46 ล้านล้านรูเปียห์ กระทรวงการคลังของอินโดนีเซียเปิดเผยในการประเมินเศรษฐกิจของประเทศครั้งล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า อัตราการลงทุนและการอุปโภคบริโภคที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้เศรษฐกิจของประเทศในช่วงไตรมาสที่ 3 ซึ่งสิ้นสุดที่เดือนกันยายน เติบโตที่ระดับ 6.2-6.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากสถิติในช่วงไตรมาสที่ 2 ที่ 6.3% ทั้งนี้ รัฐบาลคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของอินโดนีเซียโดยรวมจะเติบโตที่ระดับ 6.3% ในปี 2550 และคาดว่าจะเติบโตอย่างรวดเร็วที่ระดับ 6.8% ในปีหน้า ขณะที่เศรษฐกิจในปีที่ผ่านมาขยายตัว 5.5% ลดลงเล็กน้อยจากสถิติในปี 2548 ที่ 5.6% สำนักข่าวซินหัวรายงาน