ผู้บริหารบ.ปล่อยกู้จำนองชี้ราคาบ้านสหรัฐร่วงต่ออย่างน้อยถึงปี 2552

ข่าวต่างประเทศ Tuesday October 16, 2007 11:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บรรดาผู้บริหารสถาบันการเงินปล่อยกู้จำนองยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ออกมาคาดการณ์กันว่า ราคาที่อยู่อาศัยของสหรัฐจะร่วงลงต่อไปอย่างน้อยถึงสิ้นปีหน้า และอาจจะไม่ไต่ระดับขึ้นจนกระทั่งถึงปี 2553 คณะเจ้าหน้าที่จากบริษัทปล่อยกู้จำนองที่มีรัฐบาลสนับสนุนอย่าง แฟนนี่ เม และเฟรดดี้ แม็ค รวมทั้งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือ ซีอีโอ จากธนาคารปล่อยกู้จำนองรายใหญ่ 2 แห่ง กล่าว ณ ที่ประชุมประจำปีของสมาคมกิจการธนาคารเงินกู้จำนองว่า การยึดทรัพย์สินที่จำนองไว้พุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง รวมทั้งบ้านที่ขายไม่ออกก็ล้นตลาด ต่างเป็นปัจจัยที่สกัดกั้นไม่ให้ราคาดีดตัวขึ้นได้อย่างรวดเร็ว "เราคิดว่าต้องใช้เวลาอีกนาน ก่อนที่เราจะเห็นสถานการณ์ดำดิ่งสู่จุดที่ย่ำแย่ที่สุดแล้วดีดตัวฟื้นขึ้น ขณะนี้มีบ้านอยู่ในสต็อกมากเกินไป" เดวิด โลว์แมน ซีอีโอ แผนกจำนองทั่วโลก ประจำ เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค กล่าว ด้าน โธมัส ลุนด์ รองประธานอาวุโส แฟนนี่ เม กล่าวว่า "ผมคิดว่า ราคาบ้านระดับประเทศจะร่วงลง 2% และเราคาดว่า ปีหน้าจะร่วงถึง 4%" แพททริเซีย คุ๊ก ประธานบริหารธุรกิจ เฟรดดี้ แมค ผู้รับซื้อและรับประกันเงินกู้ที่พักอาศัยอันดับ 2 รองจาก แฟนนี่ เม กล่าวว่า นักลงทุนในตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยรองรับ (RMBS) มีแนวโน้มที่จะระมัดระวังในการทุ่มเงินมากขึ้นในตลาดนี้ จนกว่าพวกเขาจะเห็นยอดการยึดทรัพย์สินที่จำนองไว้ชะลอตัวลง ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้ก็ไม่น่าจะเกิดขึ้นในระยะใกล้นี้ เนื่องจาก เจ้าของบ้านที่ตกอยู่ในความเสี่ยงถูกยึดสินทรัพย์หลายราย จะต้องเผชิญกับอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นในอีกหลายเดือนและหลายปีข้างหน้า นอกจากนี้ เฟดเดอรัล เดพโพสิท อินชัวรันซ์ คอร์ป คาดว่า การปล่อยกู้จำนองราว 2.5 ล้านรายให้กับผู้กู้จำนองที่มีเครดิตต่ำ จะปรับอัตราดอกเบี้ยพุ่งทะยานสูงขึ้นภายในสิ้นปี 2551

แท็ก ซีอีโอ   สหรัฐ  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ