บริษัทจำนวนทั้งหมด 1,517 แห่งที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จีนแผ่นดินใหญ่ ณ สิ้นสุดเดือนกันยายน มีมูลค่าทุนจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของจีนรั้งอันดับ 4 ของโลก โดยมูลค่ารวมแตะ 25.32 ล้านล้านหยวน (3.37 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) หรือคิดเป็น 5.7% ของมูลค่าตลาดโลกทั้งหมด สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อสิ้นสุดปี 2545 ตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้และเสิ่นเจิ้นมีมูลค่าราว 4 ล้านล้านหยวน อยู่อันดับที่ 4 ของเอเชีย ซัง ฝูหลิน ประธานกรรมการคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์จีน กล่าวว่า การที่ตลาดวิ่งขึ้นร้อนแรงเช่นนี้มีส่วนมาจากการปฏิรูปผู้ถือหุ้นเมื่อปี 2548 ให้เป็นหุ้นที่รัฐถือไม่สามารถซื้อขายได้แบบลอยตัว รวมทั้งการคุมเข้มการใช้ข้อมูลวงในซื้อขายหุ้น หรือ อินไซเดอร์ เทรดดิ้ง และการปรับปรุงภาคธุรกิจบริษัทหลักทรัพย์ นอกเหนือไปจากนี้ สภาพคล่องสูง การเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างไม่หยุดยั้ง และการกลับเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นจีนของหุ้นกลุ่มรัฐวิสาหกิจยักษ์ใหญ่ ก็เป็นปัจจัยหนุนให้ตลาดหุ้นเอ แชร์ ทะยานขึ้น เขากล่าวด้วยว่า ตลาดหุ้นจีนเริ่มมีบทบาทเป็นมาตรวัดเศรษฐกิจจีนมากขึ้น ขณะนี้นักลงทุนสถาบัน อาทิ บริษัทหลักทรัพย์ ประกัน และบริษัทกองทุน ครองสัดส่วน 46% ในตลาดหุ้น ตลอด 9 เดือนแรกของปีนี้มีการระดมเงินในตลาดหุ้นจีนรวม 4.2504 แสนล้านหยวน (5.67 หมื่นล้านดอลลาร์) ผ่านทางการออกหุ้นไอพีโอและการเสนอขายหุ้นเพิ่มเติมของบริษัทจดทะเบียน (SPO) เฉพาะเดือนกันยายนเพียงเดือนเดียวมีการขายไอพีโอแล้ว 15 บริษัทคิดเป็นเงินรวม 1.49 แสนล้านหยวน บริษัทที่ระดมทุนได้มากที่สุดคือ ไชน่า เสิ่นหัว ผู้ผลิตถ่านหินรายใหญ่สุดของจีน ที่เก็บเงินจากการขายไอพีโอได้ 6.658 หมื่นล้านหยวน ทำลายสถิติสูงสุดก่อนหน้าของธนาคารเพื่อการก่อสร้างจีนที่ขายไอพีโอได้ 5.805 หมื่นล้านหยวน