สมาคมนักวิเคราะห์ด้านธุรกิจแห่งชาติของสหรัฐคาดการณ์ว่า ภาวะตกต่ำที่เกิดขึ้นในตลาดอสังหาริมทรัพย์และภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อของสหรัฐ อาจส่งผลให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐชะลอตัวลงในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ และจะทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจซบเซาลงในปี 2551 ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะทำให้เศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐถดถอยลง สมาคมฯคาดการณ์ว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในไตรมาส 4 จะขยายตัวเพียง 1.5% ซึ่งถ้าการคาดการณ์ถูกต้อง ก็เท่ากับว่าเศรษฐกิจสหรัฐถดถอยลงหลังจากที่ขยายตัวถึง 3.9% ในไตรมาส 3 ส่วนในปีนี้ คาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัว 2.1% ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่อ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่ปี 2545 พร้อมกับปรับลดคาดการณ์การขยายตัวในปีหน้าลงสู่ระดับ 2.5% จากก่อนหน้านี้ที่คาดว่าจะขยายตัว 2.8% ทั้งนี้ ผลการสำรวจของสมาคมฯบ่งชี้ว่า 3 ใน 4 ของนักวิเคราะห์คาดว่า โอกาสที่เศรษฐกิจสหรัฐจะถดถอยลงในปีหน้านั้นมีอยู่ไม่ถึง 1 ใน 3 ขณะที่นักวิเคราะห์อีก 1 ใน 5 คาดว่า โอกาสที่สหรัฐเสี่ยงจะเผชิญภาวะถดถอยลงอยู่กว่า 50% "ภาวะตกต่ำในตลาดอสังหาริมทรัพย์และภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อจะส่งผลกระทบถึงตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภค ซึ่งสถานการณ์เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยที่จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐถดถอยลง" รายงานของสมาคมฯระบุ ทั้งนี้ สมาคมฯคาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะตรึงอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นไว้ที่ 4.5% ไปจนถึงปลายปีนี้และปีหน้า แต่นักวิเคราะห์บางคนคาดว่าปัญหาในตลาดสินเชื่ออาจทำให้เฟดตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับ 3.5% ภายในปลายปีหน้า นอกจากนี้ คาดว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) จะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 2.8% และจากนั้นจะปรับตัวลงสู่ระดับ 2.5% ในปีหน้า สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงาน