นายโชติชัย สุวรรณาภรณ์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานผลการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ 17 แห่ง ในปีงบประมาณ 50(สิ้นสุด 30 ก.ย.50) โดยสามารถเบิกจ่ายได้ 52.73% ของงบลงทุน หรือคิดเป็นการเบิกจ่ายจริง 168,094.54 ล้านบาท จากที่ได้รับอนุมัติงบลงทุนทั้งสิ้น 318,776.88 ล้านบาท รัฐวิสาหกิจที่เบิกจ่ายได้ต่ำกว่าแผนจำนวนมาก คือ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) และ บมจ.ท่าอากาศยานไทย(AOT) หรือ ทอท. นายโชติชัย กล่าวว่า รฟม.เบิกจ่ายงบลงทุนได้เพียง 3.19% ของงบลงทุนที่ได้รับการอนุมัติ หรือคิดเป็น 496.22 ล้านบาท จากยอดอนุมัติทั้งสิ้น 15,553.35 ล้านบาท เนื่องจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง และสายสีน้ำเงิน มีการปรับเปลี่ยนแนวทางการพัฒนาระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนใน กทม.โดยให้ใช้วิธีการออกแบบรายละเอียด(Detailed Design)เป็นหลัก ส่วนวิธีออกแบบควบคู่การก่อสร้าง (Design & Build)ให้ใช้เฉพาะส่วนที่จำเป็นเท่านั้น ส่งผลให้ รฟม.ต้องจัดจ้างที่ปรึกษาใหม่อีกครั้ง โครงการรถไฟฟ้ามหานครสายเฉลิมรัชมงคล ซึ่งเป็นวงเงินเบิกจ่ายสำหรับค่าทดแทนเพิ่มตามคำพิพากษาของศาล จึงไม่อาจกำหนดระยะเวลาในการพิจารณาของศาลได้ ในขณะที่ ทอท.สามารถเบิกจ่ายงบลงทุนได้ 27.36% ของงบลงทุนที่ได้รับอนุมัติ หรือคิดเป็น 4,609.98 ล้านบาท จากยอดอนุมัติทั้งสิ้น 16,847.06 ล้านบาท ซึ่ง ทอท.แจ้งว่าโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในส่วนที่เหลือยังไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างการตรวจสอบความถูกต้องด้านงบประมาณและการจัดซื้อจัดจ้าง รวมถึงความล่าช้าในโครงการพัฒนาท่าอากาศยานเชียงใหม่