ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเคลื่อนไหวผันผวนเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญอื่นๆในตลาดปริวรรตเงินตราออสเตรเลียเช้านี้ (19 พ.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผลผลิตอุตสาหกรรมสหรัฐที่ร่วงลงกว่าคาดการณ์ โดยผลผลิตอุตสาหกรรมของสหรัฐในเดือนต.ค.ที่ปรับตัวร่วงลง 0.5% นั้นส่วนหนึ่งได้รับผลกระทบจากการที่คณะกรรมาธิการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปรับลดดอกเบี้ยอีกครั้งในเร็วๆนี้ จอห์น นูนาน นักวิเคราะห์จากทอมสัน ไอเอฟอาร์กล่าวว่า "ข้อคิดเห็นของคณะกรรมการเฟดที่มีขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (FOMC) บางรายมองว่ายังไม่ควรปรับลดอัตราดอกเบี้ยในระยะนี้" "หากเจ้าหน้าที่เฟดยืนยันว่ายังไม่มีแนวโน้มที่จะลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง ก็จะช่วยหนุนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐให้แข็งค่าขึ้น แต่อาจทำให้ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลดลง แต่ปัจจัยทั้งสองประการจะไม่มีอิทธิพลต่อความเคลื่อนไหวของเงินสกุลยูโรเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หรือ เงินสกุลดอลลาร์ออสเตรเลียเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ" สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า ณ เวลา 05.50 น. ตามเวลาในประเทศไทย ค่าเงินดอลลาร์เคลื่อนไหวอ่อนค่าลงแตะที่ 110.81 เยนต่อดอลลาร์ เมื่อเทียบกับระดับ 111.09 เยนต่อดอลลาร์ที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนที่ผ่านมา หลังจากที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยได้เป็นปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนหันมาทำธุรกรรม carry trade ในเงินสกุลเยน ขณะที่ค่าเงินยูโรซื้อขายกันที่ 1.4670 ดอลลาร์ต่อยูโรจากระดับ 1.4662 ดอลลาร์ต่อยูโร เนื่องตัวเลขผลผลิตอุตสาหกรรมที่อ่อนแอเกินคาดได้ส่งแรงกดดันต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ เงินปอนด์สเตอริงอ่อนค่าลงมาอยู่ที่ 2.0533 ดอลลาร์ต่อปอนด์ จากระดับ 2.0546 ดอลลาร์ต่อปอนด์ ในการซื้อขายที่ตลาดสหรัฐเนื่องจากมีกระแสคาดการณ์เพิ่มขึ้นว่า ธนาคารกลางอังกฤษจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะเป็นตัวฉุดเงินปอนด์ให้อ่อนค่าลง