ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงใกล้แตะระดับต่ำสุดเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรที่ตลาดปริวรรตเงินตราฮ่องกงช่วงบ่ายวันนี้ (21 พ.ย.) จากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก หลังจากที่เฟดปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจและตัวเลขเงินเฟ้อ โดยเฟดคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัวเล็กน้อยที่ 1.8% ในปีหน้า ซึ่งปรับตัวลดลงจากที่คาดการณ์ไว้ในเดือนก.ค.ว่าจะขยายตัวที่ระดับ 2.75% และคาดว่าตัวเลขเงินเฟ้อจะปรับตัวลดลงแตะที่ 1.8% ในปีหน้าจากระดับ 2.95% ในปีนี้ สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า ณ เวลา 12.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย ค่าเงินยูโรซื้อขายที่ 1.4840 ดอลลาร์ต่อยูโร แข็งค่าขึ้นจากระดับ 1.4822 ดอลลาร์ต่อยูโรเมื่อคืนนี้ โดยเงินยูโรที่พุ่งขึ้น 1.4852 ดอลลาร์ต่อยูโรที่ตลาดนิวยอร์กวานนี้เป็นระดับที่แข็งค่าขึ้นสูงสุดเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2542 ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงแตะที่ 109.26 เยนต่อดอลลาร์จากระดับ 109.93 เยนต่อดอลลาร์ที่ตลาดออสเตรเลียเช้านี้ และร่วงลงจาก 109.99 เยนต่อดอลลาร์ที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนวาน นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในที่ประชุมเดือนธ.ค.นี้ ซึ่งจะทำให้ตลอดทั้งปีเฟดลดอัตราดอกเบี้ยถึง 1.00% เพื่อช่วยพยุงเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและช่วยประคับประคองภาคธุรกิจการเงินที่เผชิญความผันผวน พอล ถัง นักเศรษฐศาสตร์จากธนาคารแบงก์ ออฟ เอเชีย กล่าวว่า "มีความเป็นไปได้ว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยลงอีก 0.25% ในเดือนธ.ค. เนื่องจากเฟดไม่มีทางเลือกอื่นใดที่จะช่วยทำให้ตลาดเงินมีเสถียรภาพ" ทั้งนี้ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นปัจจัยที่ถ่วงค่าเงินดอลลาร์ให้อ่อนค่าลง ขณะที่ตัวเลขเงินเฟ้อในทวีปยุโรปเดือนต.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.6% จากระดับในปีก่อนหน้านี้ หลังจากที่ปรับตัวสูงขึ้น 2.1% ในเดือนก.ย.