นายฌอง-คล้อด ทริเชต์ ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กล่าวว่า การที่ตลาดเกิดใหม่ อาทิ อินเดียและจีน มีบทบาทมากขึ้นในตลาดโลกนั้น ถือเป็นข่าวดีสำหรับทวีปยุโรป เนื่องจากการค้าระหว่างยุโรปและประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
"การส่งออกและนำเข้าสินค้าและการบริการของเราคิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 5 ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ซึ่งสูงกว่าสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่มีส่วนแบ่งในตลาดยุโรปเพิ่มขึ้นกว่า 40% จากระดับ 33% ในปี 2542 ซึ่งเป็นปีที่ยุโรปเริ่มใช้สกุลเงินยูโร" นายทริเชต์กล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมธนาคารกลางอินเดีย
"ทวีปยุโรปกลายเป็นแหล่งการลงทุนที่น่าดึงดูดใจมากขึ้น และสามารถเก็บเกี่ยวเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ได้มากที่สุด โดยในช่วงปี 2542-2548 นั้น ยุโรปมีตัวเลขการลงทุนโดยตรงจากบราซิล รัสเซีย อินเดีย และจีน เป็นวงเงินสูงถึง 1.2 หมื่นล้านยูโร" เขากล่าว
ทั้งนี้ ทริเชต์กล่าวโดยอ้างผลการศึกษาฉบับหนึ่งว่า อินเดีย จีน บราซิล และรัสเซีย จะก้าวขึ้นเป็นประเทศอุตสาหกรรมภายในปี 2568 และคาดว่าประเทศเหล่านี้จะแข็งแกร่งเกินประเทศอื่นในอีกไม่เกิน 40 ปีนี้ โดยคาดว่าจีนจะผงาดขึ้นเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในโลกภายในปี 2568 รองลงมาคือ สหรัฐอเมริกาและอินเดีย
นอกจากนี้ ทริเชต์ยังเรียกรร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงกรอบนโยบายทั่วโลกเพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนหน้าใหม่ อีกทั้งกล่าวว่า อินเดียเผชิญความท้าทายเรื่องกระแสเงินทุนไหลเข้าที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นสาเหตุที่ชี้ให้เห็นว่าประชาคมโลกจึงให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาภาวะไร้สมดุล สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์:
[email protected]