นายหลี่ เซียนหลุน นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ได้แสดงความคิดเห็นว่า ประเทศต่างๆในเอเชียกังวลว่าราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์และใกล้จะแตะระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลนั้น กำลังส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคในภูมิภาค
"หลายประเทศในเอเชียไม่ได้เป็นประเทศส่งออกน้ำมัน เราต้องนำเข้าน้ำมันเข้ามาใช้และนี่เป็นภาระที่หนักหนาสาหัสขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะภาระที่ตกกับประชาชนที่มีรายได้น้อย นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันจะทำให้เงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นและทำให้ค่าครองชีพของประชาชนในเอเชียเพิ่มขึ้นด้วย" นายหลี่กล่าว
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์เปิดเผยว่า ในระหว่างการประชุมอาเซียนนั้น ผู้นำอินเดียได้กล่าวต่อผู้นำประเทศในเอเชียว่า ต้นทุนพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นถือเป็นสิ่งที่สร้างความกังวลใจให้กับเขา มากยิ่งกว่าปัญหาเรื่องโลกร้อน นอกจากนี้ ราคาน้ำมันที่แพงขึ้นยังทำให้ต้นทุนการช่วยเหลือด้านเชื้อเพลิงแก่ประชาชนสูงขึ้นด้วย แม้ประเทศนั้นๆมีรายได้จากการส่งออกน้ำมันก็ตาม
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า การแสดงความคิดเห็นของนายหลี่มีขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กพุ่งขึ้นใกล้แตะระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยเมื่อคืนนี้ราคาทะยานขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ 99.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก่อนที่จะถอยลงมาปิดที่ระดับ 97.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา สำนักงานพลังงานสากล (ไออีเอ) เตือนว่า ความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นในประเทศจีนและอินเดีย จะผลักดันให้ความต้องการน้ำมันโดยรวมทั่วโลกพุ่งขึ้นกว่า 50% ภายในปี 2573 และคาดว่าภายในปี 2558 ทั่วโลกจะเกิดวิกฤตการณ์น้ำมันขาดแคลน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์:
[email protected]