ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์อ่อนเทียบยูโร หลังยอดขาดดุลการค้าสหรัฐพุ่ง

          ภาวะการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (12 ธ.ค.) ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและเงินปอนด์ หลังจากทางการสหรัฐรายงานว่ายอดขาดดุลการค้าเดือนต.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกินคาด และข่าวที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ร่วมมือกับธนาคารกลางในประเทศอื่นๆเพื่อยับยั้งวิกฤตการณ์ในตลาดสินเชื่อทั่วโลก
          สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินยูโรแข็งแกร่งขึ้นแตะระดับ 1.4720 ดอลลาร์ต่อยูโร จากระดับของวันอังคารที่ 1.4675 ดอลลาร์ต่อยูโร และค่าเงินปอนด์ดีดตัวขึ้นแตะระดับ 2.0471 ดอลลาร์ต่อปอนด์ จากระดับ 2.0356 ดอลลาร์ต่อปอนด์
          อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์แข็งแกร่งขึ้นแตะระดับ 112.13 เยนต่อดอลลาร์ จากระดับ 110.82 เยนต่อดอลลาร์ และแข็งแกร่งขึ้นแตะระดับ 1.1336 ฟรังซ์ต่อดอลลาร์ จากระดับ 1.1319 ฟรังซ์ต่อดอลลาร์
          เฟดออกแถลงการณ์ว่า เฟดได้ร่วมมือกับธนาคารกลางยุโรป ธนาคารกลางอังกฤษ ธนาคารกลางแคนาดา และธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อยับยั้งปัญหาที่เกิดขึ้นในตลาดสินเชื่อ ซึ่งรวมถึงการปล่อยวงเงินกู้ให้กับธนาคารพาณิชย์เพิ่มขึ้นเป็น 4 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นวงเงินสูงสุดที่เฟดอัดฉีดเข้าสู่ระบบการธนาคารนับตั้งแต่เกิดเหตุก่อการร้ายในสหรัฐเมื่อวันที่ 11 ก.ย.2544
          เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เฟดประกาศลดอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นอีก 0.25% สู่ระดับ 4.25% และปรับลดอัตราดอกเบี้ยประเภทมาตรฐานลงอีก 0.25% สู่ระดับ 4.75% จากเดิมที่ระดับ 5.00% นอกจากนี้ เฟดยังส่งสัญญาณว่าอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกหากตลาดอสังหาริมทรัพย์และตลาดปล่อยกู้จำนองเข้าขั้นวิกฤติ
          นอกจากนี้ ดอลลาร์ได้รับแรงกดดันจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ยอดขาดดุลการค้าเดือนต.ค.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 5.78 หมื่นล้านดอลลาร์ จากเดือนก.ย.ที่ระดับ 5.71 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าสหรัฐจะขาดดุลการค้า 5.72 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนต.ค