เงินดอลลาร์สหรัฐเคลื่อนไหวอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินเยนและยูโรที่ตลาดปริวรรตเงินตราโตเกียวเช้าวันนี้ (13 มี.ค.) แต่ฟื้นตัวขึ้นมาหลังจากที่อ่อนค่าทำนิวโลว์เมื่อเทียบกับเงินยูโร และอ่อนค่าต่ำสุดในรอบ 12 ปีเมื่อเทียบกับเงินเยน เนื่องจากนักลงทุนยังไม่มั่นใจว่า มาตรการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบธนาคารเป็นวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อช่วยคลายภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศออกมานั้นจะได้ผล โดยเฟดประกาศว่า จะร่วมมือกับธนาคารกลางยุโรป ธนาคารกลางแคนาดา และธนาคารกลางสวิสในการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบธนาคารในวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐภายใต้โครงการ Term Securities Lending Facility (TSLF) ซึ่งจะให้สถาบันการเงินกู้ตราสารหนี้ได้นาน 28 วัน แทนการกู้แบบข้ามคืนซึ่งใช้อยู่ในปัจจุบัน สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า ณ เวลา 07.03 น. ตามเวลาในประเทศไทย ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงไปแตะที่ 101.47 เยนต่อดอลลาร์เมื่อเทียบกับระดับ 101.76-101.86 เยนต่อดอลลาร์ที่ตลาดนิวยอร์กคืนวานนี้ ขณะที่เงินยูโรเคลื่อนไหวที่ระดับ 1.5538 ดอลลาร์ต่อยูโรจาก 1.5546-1.5556 ดอลลาร์ต่อยูโร จอห์น นูนาน นักวิเคราะห์จากธอมสัน/ไอเอฟอาร์ มาร์เก็ตส์กล่าวว่า "เงินดอลลาร์ดำดิ่งลงหลังจากที่เคลื่อนไหวอยู่ในระดับ 101.35 เยนต่อดอลลาร์ และ 101.20 เยนต่อดอลลาร์ นอกจากนี้ แรงซื้อที่ส่งเข้ามาก่อนหน้าที่เงินดอลลาร์จะร่วงลงไปอยู่ที่ระดับ 101.00 เยนต่อดอลลาร์นั้นไม่ได้ช่วยพยุงดอลลาร์ให้แข็งค่าขึ้นมาได้" ทั้งนี้ เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงไปอยู่ที่ 101.10 เยนต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2538 พร้อมทั้งทำสถิติอ่อนค่าต่ำสุดระดับใหม่เทียบยูโรที่ 1.5575 ดอลลาร์ต่อยูโรที่ตลาดปริวรรตเงินตราออสเตรเลีย