นางอัจนา ไวความดี รองผู้ว่าการ สายเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ระบุว่า ไม่สามารถประเมินได้ว่าเงินทุนจากต่างประเทศจะไหลเข้าไทยหรือไม่หลังจากส่วนต่างดอกเบี้ยไทยและสหรัฐมีช่วงห่างกันมากขึ้นเมื่อธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ลดอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานครั้งล่าสุด 0.25% เมื่อวานนี้ เนื่องจากขณะนี้สภาพคล่องการเงินและเศรษฐกิจโลกปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปมาก แต่ประเด็นที่ ธปท.เป็นห่วงขณะนี้คือปัญหาการเร่งตัวราคาน้ำมัน ซึ่งปัจจุบันระดับราคาได้เกินข้อสมมุติฐานกรณีเลวร้ายที่สุดในแบบจำลองเศรษฐกิจไทยไปแล้ว เนื่องจากความต้องใช้มีสูงกว่ากำลังการผลิต และปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐทำให้นักลงทุนหลายประเทศหันมาถือน้ำมันเป็นสินทรัพย์แทนดอลลาร์สหรัฐมากขึ้น ประกอบกับความยืดหยุ่นด้านราคาปัจจุบันมีน้อยลงกว่าช่วง 10 ปีก่อน นางอัจนา กล่าวว่า สำหรับผลกระทบโดยตรงจากการถดถอยของเศรษฐกิจสหรัฐที่จะมีต่อประเทศไทย โดยเฉพาะในด้านการส่งออกนั้น คงไม่มากนัก เนื่องจากผู้ประกอบการส่งออกไทยชะลอการส่งสินค้าไปยังสหรัฐน้อยลงตั้งแต่ปีก่อนแล้ว และตัวเลขการส่งออกของไทยล่าสุดยังบ่งชี้ว่าการเติบโตยังอยู่ในเกณฑ์ที่สูง “เรายังไม่รู้เศรษฐกิจสหรัฐที่แย่จะกระทบเอเชียมากน้อยแค่ไหน เฉพาะไทยก็ไม่รู้อุปสงค์ในประเทศจะฟื้นตัวทันการส่งออกที่คาดว่าจะชะลอหรือไม่ และไม่รู้ว่าการที่รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาวะน้ำมันที่สูง เศรษฐกิจโลกผันผวนจะช่วยได้มากน้อยแค่ไหน" นางอัจนาระบุ