ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 35.21 แข็งค่ากว่าภูมิภาค ขานรับข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐต่ำกว่าคาด-รอปัจจัยใหม่

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday August 11, 2022 17:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 35.21 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่าต่อ เนื่องจากเปิดตลาดเมื่อเช้าอยู่ที่ระดับ 35.37 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากดอลลาร์ปรับตัวอ่อนค่าเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงิน โดยตลาดย่อยข่าว เรื่องตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ก.ค.65 ของสหรัฐต่ำกว่าคาด ยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาเพิ่มเติม ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 35.16 - 35.38 บาท/ดอลลาร์

"เงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องตามภูมิภาค โดยเคลื่อนไหวแข็งค่ามากสุด ซึ่งนับตั้งแต่ต้นเดือน ส.ค.เป็นต้นมาเงินบาทแข็งค่าไป แล้ว 4.5%" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันจันทร์ไว้ที่ 35.10 - 35.40 บาท/ดอลลาร์ โดยคืนนี้ตลาดจับ ตาดูการประกาศตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือน ก.ค.65 ของสหรัฐ

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 132.63 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าที่ระดับ 132.85 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0337 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าที่ระดับ 1.0300 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,622.26 จุด เพิ่มขึ้น 5.05 จุด, +0.31% มูลค่าการซื้อขาย 78,265.71 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 2,764.89 ล้านบาท (SET+MAI)
  • ธนาคารออมสิน ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือน/6 เดือน ปรับขึ้น 0.15% เงินฝากประจำ 12 เดือน
ปรับขึ้น 0.20% และเงินฝากประจำ 24 เดือน/36 เดือน ปรับขึ้น 0.30% โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 15 ส.ค.65 เป็นต้นไป หลังจาก กนง.
ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจาก 0.50% ต่อปี เป็น 0.75% ต่อปี แต่ยังคงตรึงดอกเบี้ยเงินกู้
  • สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ระบุการกู้เงินในอนาคตของรัฐบาลจะมีต้นทุนการกู้เงินที่สูงขึ้น เนื่องจากแนวโน้ม
อัตราดอกเบี้ยที่เป็นขาขึ้นและหมดยุคดอกเบี้ยต่ำแล้ว ที่ผ่านมา สบน.ได้บริหารจัดการความเสี่ยง โดยการเปลี่ยนการกู้เงินระยะสั้นที่เป็น
ดอกเบี้ยลอยตัว (Float Rate) มาเป็นอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ (Fix Rate) มากขึ้น โดยปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยคงที่มีสัดส่วนถึง 82%
ส่วนที่เหลือเป็นอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัว ขณะที่ไม่มีผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน เพราะรัฐบาลมีหนี้ต่างประเทศน้อยเพียงแค่ 1.8% และ
ได้ทำการปิดความเสี่ยงไปหมดแล้ว
  • คณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อบริหารสถานการณ์วิกฤตเศรษฐกิจ เปิดแผนรองรับสถานการณ์ 4 ด้าน ได้แก่ 1.วิกฤตต้น
ทุนพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ 2.วิกฤตการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการผลิตและการขาดแคลนวัตถุดิบด้านการเกษตร 3.วิกฤตการเงินภาคครัว
เรือนและภาคธุรกิจ SMES และ 4.วิกฤตเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจและการลดลงของขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยกำหนดแนวทางที่
ควรจะดำเนินการทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
  • กระทรวงการคลัง เตรียมเปิดให้ลงทะเบียนโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 หรือ บัตรคนจนรอบใหม่ ในวันที่ 5
ก.ย.-19 ต.ค.65 รวมระยะเวลา 45 วัน โดยคาดว่าผู้ที่ได้รับสิทธิในรอบนี้จะอยู่ที่ประมาณ 15-16 ล้านคน
  • กระทรวงพาณิชย์ติดตามราคาสินค้าอย่างใกล้ชิด โดยจัดเจ้าหน้าที่สำรวจราคาทุกวันๆ ละ 500 กว่าคน ซึ่งมีรายงานเข้า
มาที่ส่วนกลางตลอดว่ามีสินค้าชนิดไหนราคาเพิ่มหรือลดลงบ้าง ทั้งนี้จะเข้าไปดูโครงสร้างราคาเป็นรายกรณีว่าสินค้าชนิดใดที่ต้นทุนสูงขึ้นจริง
และสูงจนผลิตต่อไม่ได้ จนของขาดตลาดกระทบผู้บริโภค ซึ่งในส่วนนี้ต้องดูแลให้มีความสมดุล
  • ศูนย์วิจัยทองคำ เผยดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำประจำเดือน ส.ค.65 อยู่ที่ระดับ 58.05 เพิ่มขึ้น 1.81 จุด หรือคิด
เป็น 3.22% ปรับเพิ่มขึ้นจากเดือน ก.ค.65 ที่ระดับ 56.24 จุด โดยปัจจัยที่ทำให้ดัชนีฯ ปรับเพิ่มขึ้นมาจากความต้องการสินทรัพย์
ปลอดภัย, การอ่อนค่าของเงินบาท, ความกังวลเศรษฐกิจโลกถดถอย และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน
  • ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาซานฟรานซิสโก ออกโรงเตือนว่ายังเร็วเกินไปที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
จะประกาศชัยชนะในการต่อสู้กับเงินเฟ้อ โดยไม่ตัดความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.75% ติดต่อกันเป็นครั้งที่ 3 ใน
การประชุมครั้งถัดไปในเดือน ก.ย.65 ของเฟด อย่างน้อยควรปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% เป็นระดับพื้นฐาน
  • กระทรวงการต่างประเทศไต้หวันปฏิเสธหลักการ "หนึ่งประเทศ สองระบบ" ที่รัฐบาลจีนเผยแพร่ในสมุดปกขาวในสัปดาห์
นี้ พร้อมระบุจีนใช้การเดินทางเยือนไต้หวันของนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นข้ออ้างในการ
สร้างความปกติใหม่เพื่อคุกคามชาวไต้หวัน
  • สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างจีนและไต้หวันทำให้เจ้าหน้าที่ในรัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ จำเป็น
ต้องทบทวนแผนการจัดเก็บภาษีว่า จะยกเลิกภาษีบางส่วนหรือบังคับใช้มาตรการทางภาษีอื่น ๆ เพิ่มเติมกับจีน
  • ธนาคารกลางจีน (PBOC) เปิดเผยในรายงานนโยบายการเงินรายไตรมาสฉบับล่าสุดว่า PBOC จะใช้มาตรการปกป้อง
เศรษฐกิจไม่ให้ถูกกระทบจากเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง พร้อมกับให้คำมั่นว่าจะหลีกเลี่ยงการใช้มาตรการกระตุ้นขนานใหญ่และการพิมพ์
เงินจำนวนมากเข้าสู่ระบบเพื่อสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ