นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 36.43/45 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากช่วง เช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 36.30 บาท/ดอลลาร์
เงินบาทปรับตัวอ่อนค่าต่อเนื่องจากช่วงเช้า ซึ่งเป็นทิศทางเดียวกับสกุลอื่นๆ ที่ปรับตัวอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ จาก ปัจจัยสำคัญที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าจะยังปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่อง เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่เร่งตัว สูง
อย่างไรก็ดี สัปดาห์นี้ทั้งในและต่างประเทศ อาจจะยังไม่มีปัจจัยสำคัญที่จะมีผลต่อทิศทางของค่าเงินมากนัก เป็นเพียงการ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจรายเดือนทั่วไป ขณะที่ตลาดอาจจะรอดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค. และ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการ ว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐ
นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 36.20 - 36.75 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 138.50 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 138.51 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 0.9970 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 0.9928 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,626.52 จุด ลดลง 18.26 จุด (-1.11%) มูลค่าการซื้อขาย 71,418 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 62.18 ลบ.(SET+MAI)
- สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง เดือนก.ค.65 พบว่า เศรษฐกิจไทย
ในเดือน ก.
ค.65 ได้ปัจจัยหนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีขึ้น จากจำนวนที่เพิ่มขึ้นทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติ และผู้เยี่ยม
เยือนชาวไทย ประกอบกับ
รายได้เกษตรกรขยายตัวต่อเนื่อง ช่วยหนุนการบริโภคภาคเอกชน อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามปัจจัยเรื่องความขัด
แย้งทางภูมิรัฐศาสตร์
เนื่องจากอาจจะมีผลกระทบต่อการผลิต การส่งออก และทิศทางเศรษฐกิจโลกอย่างใกล้ชิด
- ปลัดกระทรวงการคลัง ยืนยันว่า เพดานหนี้ตามมาตรา 28 จะลดลงมาต่ำกว่า 35% แน่นอนปัจจุบันอยู่ที่
ประมาณ 34%
กว่า ๆ ส่วนจะลดลงมาเหลือเท่าไรยังตอบไม่ได้ เนื่องจากขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดกำลังอยู่ระหว่างการ
พิจารณารายละเอียดและ
ตัวเลขทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง พ.ศ. 2561 ในมาตรา 28
- วุฒิสมาชิกสหรัฐสังกัดพรรคเดโมแครตแสดงความรู้สึกวิตกกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะทำให้
เศรษฐกิจของ
สหรัฐเผชิญภาวะถดถอย และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมีความเสี่ยงที่จะทำให้ประชาชนต้องตกงาน
- นักเศรษฐศาสตร์ของโกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของอังกฤษจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในไตร
มาส 4 ปีนี้
และจากนั้นคาดว่าจะหดตัวลงราว 0.6% ในปี 2566เนื่องจากการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ จะส่งผลกระทบต่อรายได้และ
การบริโภคใน
ภาคครัวเรือน
- บรรดานักวิเคราะห์ต่างมีมุมมองเชิงลบมากยิ่งขึ้นเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีน โดยพร้อมใจกันลดคาดการณ์การ
เติบโตสำหรับปี
2565 และมองว่าความเสี่ยงที่ส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจจะยืดเยื้อไปจนถึงปีหน้า เนื่องจากภาวะปั่นป่วนใน
ตลาดอสังหาริมทรัพย์
และการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังไม่สิ้นสุดลง
- รองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน (NDRC) แสดงความมั่นใจว่า จีนสามารถบรรลุ
เป้าหมายเงินเฟ้อ
ที่ราว 3% ในปีนี้ พร้อมระบุว่า ความพยายามอย่างต่อเนื่องในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านการผลิต อุปทาน
การจัดเก็บ และการ
ตลาดของสินค้าหลัก ๆ ทำให้จีนยังคงสามารถรักษาเสถียรภาพด้านราคาโดยรวมเอาไว้ได้
- โกลด์แมน แซคส์แนะนำให้นักลงทุนเข้าซื้อสินค้าโภคภัณฑ์ ขณะที่ความเสี่ยงของการเกิดภาวะเศรษฐกิจ
ถดถอยกำลัง
ส่งผลกระทบต่อตลาดทั่วโลกในระยะใกล้ โดยระบุว่า สินค้าโภคภัณฑ์จำพวกวัตถุดิบส่งสัญญาณฟื้นตัวท่ามกลาง
วิกฤตพลังงานขั้นรุนแรง
และภาวะอุปทานตึงตัว