(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 36.74 อ่อนค่าจากวานนี้ กังวลเฟดขึ้นดบ.แรง-รอตัวเลขจ้างงานสหรัฐคืนนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Friday September 2, 2022 11:24 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 36.74 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อน ค่าจากปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 36.70 บาท/ดอลลาร์

เนื่องจากตลาดกังวลเรื่องที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ยแรงเพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อต่อเนื่อง อีกระยะ หลังข้อมูลภาคการผลิตยังแข็งแกร่ง

"บาทอ่อนค่าจากเย็นวานนี้ หลังดอลลาร์แข็งค่าจากความกังวลเรื่องเฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ยแรง" นักบริหาร
เงิน กล่าว

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 36.65 - 36.85 บาท/ดอลลาร์ โดยปัจจัย สำคัญที่ตลาดรอ คือ การประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ส.ค.ของสหรัฐฯ ในช่วงค่ำวันนี้

THAI BAHT FIX 3M (1 ก.ย.) อยู่ที่ระดับ 0.76650% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 0.93212%

SPOT ล่าสุด อยู่ที่ระดับ 36.82000 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 140.06 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 139.11 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 0.9957 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.0026 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 36.704 บาท/
ดอลลาร์
  • บล.กสิกรไทย เผย เฟดเร่งปรับลดงบดุล กดดันสภาพคล่องโลก แต่เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวแกร่ง ดึงฟันด์โฟลว์ต่างชาติ
ไหลเข้า ลุ้นปีนี้ แตะ 2 แสนล้าน บล.หยวนต้า คาดครึ่งเดือนแรกก.ย. ต่างชาติพลิกขายสุทธิ "บล.เอเซียพลัส" มองกรอบดัชนี
เดือนนี้ 1,610 -1,645 จุด
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนส.ค.อยู่ที่ 49.6 ทรงตัวอยู่ในระดับ
เดียวกับเดือนก.ค. โดยความเชื่อมั่นด้านต้นทุนปรับดีขึ้นมากแม้จะยังอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่ความเชื่อมั่นด้านคำสั่งซื้อ การลงทุน และ
การจ้างงานปรับลดลงเล็กน้อย สำหรับดัชนีฯ ภาคการผลิตยังอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 แต่ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากกลุ่มผลิตเหล็ก รวมถึง
กลุ่มผลิตเคมี ปิโตรเลียม ยางและพลาสติกเป็นสำคัญ เนื่องจากความกังวลด้านต้นทุนลดลงตามราคาเหล็กและราคาน้ำมันในตลาด
โลกที่มีแนวโน้มลดลง ส่งผลให้ความเชื่อมั่นด้านคำสั่งซื้อ การผลิต และผลประกอบการปรับเพิ่มขึ้นมาก
  • เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการกลั่นกรองเงินกู้ตาม
พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯเพิ่มเติม พ.ศ.2565 เปิดเผยว่า สถานะของเงินกู้ตาม พ.ร.ก.ฯ 5 แสนล้านบาท
ปัจจุบันมีเงินคงเหลืออยู่ 3.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะต้องขอที่ประชุม ครม.อนุมัติใช้เงินกู้ในส่วนนี้ภายในเดือน ก.ย.นี้

โดยปัจจุบันมีรายการที่รอขอใช้เงินกู้เต็มวงเงินแล้วแบ่งเป็นรายการเบิกค่ารักษาพยาบาลโควิด-19 ถึงเดือน มิ.ย. วงเงิน 2.7 หมื่นล้านบาท และค่าตอบแทนค่าเสี่ยงภัยให้กับแพทย์และพยาบาลวงเงินรวม 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งทั้งสองรายการนี้คณะ กรรมการกลั่นกรองเงินกู้ฯ จะอนุมัติให้ตามคำขอและเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาภายในเดือน ก.ย.นี้ หากมีวงเงินการขอเบิกจ่ายที่ เกินจากเงินกู้ที่เหลืออยู่จะเสนอของบประมาณจากงบกลางรายการสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินและจำเป็นเร่งด่วนปี 66 ต่อไป

  • สกุลเงินเยนร่วงต่ำสุดในรอบ 24 ปีเทียบดอลลาร์เมื่อคืนนี้ ทะลุระดับ 140 เยน ขณะที่นักลงทุนพากันเทขายเย
นและเข้าซื้อดอลลาร์ ท่ามกลางนโยบายการเงินที่สวนทางกันของสหรัฐและญี่ปุ่น
  • ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพฤหัสบดี (1
ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิด
เผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันนี้
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 5 ในวันพฤหัสบดี (1 ก.ย.) โดยตลาดถูกกดดันจากการแข็ง
ค่าของดอลลาร์และการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร รวมทั้งความกังวลที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งปรับขึ้นอัตรา
ดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
  • กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 5,000 ราย สู่ระดับ 232,000
รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 245,000 ราย
  • นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนส.ค.ของสหรัฐในวันนี้อย่างใกล้ชิด เพราะ
เป็นข้อมูลที่สามารถบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด
  • นักลงทุนคาดการณ์ว่า จำนวนคนว่างงานที่ต่ำกว่าคาดในสหรัฐจะเป็นปัจจัยหนุนให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักมากถึง 74.0% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75%

สู่ระดับ 3.00-3.25% ในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย. และให้น้ำหนักเพียง 26.0% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ