นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 36.36 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากเปิด ตลาดเมื่อเช้าที่ระดับ 36.44 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับค่าเงินในภูมิภาค ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 36.31 - 36.49 บาท/ดอลลารฺ์
"บาทแกว่งตัวในกรอบกว้าง โดยเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับค่าเงินภูมิภาค หลังช่วงบ่ายดอลลาร์ย่อตัวลงมา" นักบริหาร
เงิน กล่าว
นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 36.30 - 36.45 บาท/ดอลลาร์
"พรุ่งนี้บาทน่าจะแกว่างตัวในกรอบแคบ รอดุตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ โดยตลาดคาดว่าตัวเลขเงินเฟ้อจะลดลงมาอยู่ที่ 8% แต่ยัง ถือว่าอยู่ในระดับที่สูง" นักบริหารเงิน กล่าว
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 142.59 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าที่ระดับ 142.77 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0162 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าที่ระดับ 1.0067 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,665.74 จุด เพิ่มขึ้น 11.12 จุด, +0.67% มูลค่าการซื้อขาย 62,508.10 ลั้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 2,249.57 ล้านบาท(SET+MAI)
- กระทรวงการคลัง เผยความคืบหน้าการใช้สิทธิมาตรการรักษาระดับการบริโภคภายในประเทศ ปี 2565 ระยะที่ 2 ซึ่ง
ประกอบด้วย โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 5, โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็น
พิเศษ ระยะที่ 3 และโครงการคนละครึ่งระยะที่ 5 พบว่า ณ วันที่ 11 กันยายน 2565 เวลา 23.00 น. มีผู้ใช้สิทธิทุกโครงการรวม
34.01 ล้านคน และมียอดใช้จ่ายสะสมทั้งสิ้น 19,143.9 ล้านบาท
- ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) มองการเติบโตของเศรษฐกิจไทย (GDP) ในปี 66 จะขยายตัวได้
3-4% จากปี 65 ที่คาดขยายตัวราว 3% โดยมีปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตาม 7 เรื่อง คือ 1.ความขัดแย้งระหว่างประเทศเดินหน้าต่อ
เนื่อง ทั้งสหรัฐ รัสเซีย และจีน 2.การขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางต่างๆ 3.การลดลงของเงินเฟ้อ
โลก 4.การแข็งค่าของเงินดอลลาร์ 5.การเริ่มของ Global Recessions 6.การอ่อนตัวของเศรษฐกิจจีนที่จะชัดเจนขึ้น 7.การก่อตัว
ของ Emerging Market Crisis
- SCB EIC ประเมินอัตราเงินเฟ้อของไทยเริ่มมีแนวโน้มทยอยปรับลดลง และจะกลับมาใกล้กรอบเป้าหมายของธนาคารแห่ง
ประเทศไทย (ธปท.) ในปี 2566 เนื่องจากแนวโน้มราคาสินค้าโภคภัณฑ์หลายชนิดที่เริ่มชะลอลงในช่วงที่ผ่านมา
- ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันพรุ่งนี้จะพิจารณามาตรการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าช่วงเดือนก.ย.-ธ.ค. 65 โดยให้ส่วน
ลดเป็นแบบขั้นบันได สำหรับผู้ที่ใช้ไฟฟ้า 301-500 หน่วย วงเงินประมาณ 9,000 ล้านบาทนั้น โดยได้จัดเตรียมวงเงินซึ่งจะเป็นในส่วน
ของงบกลางปี 65และ งบกลางปี 66 ไว้รองรับแล้ว รวมทั้งการการขยายระยะเวลาปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลต่อจากปัจจุบันที่ปรับ
ลดลง 5 บาท/ลิตรที่จะสิ้นสุดลงในวันที่ 20 ก.ย. 2565 นี้ แต่จะขยายระยะเวลาและปรับลดลงเท่าไหร่ ยังต้องรอความชัดเจนจาก
ทางกระทรวงการคลัง
- เศรษฐกิจอังกฤษฟื้นตัวในเดือนก.ค. หลังเสี่ยงเผชิญภาวะถดถอย แต่มีแนวโน้มได้รับผลกระทบเพิ่มเติมจากวันหยุดเนื่องใน
การจัดพระราชพิธีพระบรมศพของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ในวันที่ 19 ก.ย.นี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เผย
ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) เดือน ก.ค.ของอังกฤษ ขยายตัว
เพียง 0.2% จากเดือนก่อนหน้า ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 0.4%
- รมว.คลังสหรัฐ ระบุชาวอเมริกันอาจต้องเผชิญกับการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันในช่วงฤดูหนาวนี้ เนื่องจากสหภาพยุโรป
(EU) ลดปริมาณการซื้อน้ำมันจากรัสเซีย พร้อมเสริมว่าข้อเสนอกำหนดเพดานราคาน้ำมันรัสเซียของชาติตะวันตกนั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อควบ
คุมราคา
- สื่อต่างประเทศรายงานโดยอ้างอิงข้อมูลจากแหล่งข่าวหลายรายว่า คณะบริหารภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบ
เดน แห่งสหรัฐ วางแผนจะจำกัดการส่งออกเซมิคอนดักเตอร์ที่นำไปใช้ด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเครื่องมือผลิตชิปให้กับจีน