ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 36.86 จับตาประชุมเฟด-ทิศทาง Flow ให้กรอบวันนี้ 36.75-37.00

ข่าวเศรษฐกิจ Monday September 19, 2022 09:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 36.86 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจาก เย็นวันศุกร์ที่ปิดตลาดที่ระดับ 36.92 บาท/ดอลลาร์

เช้านี้เงินบาทแข็งค่าขึ้นจากท้ายตลาดเมื่อวันศุกร์ โดยคาดว่าสัปดาห์นี้ปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนรอติดตามคือ การประชุมธนาคาร กลางสหรฐ (เฟด) ในกลางสัปดาห์ ซึ่งตลาดคาดว่ารอบนี้เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.75% ขณะที่วันนี้ตลาดเงินทางฝั่ง อังกฤษและญี่ปุ่นหยุดทำการ ซึ่งอาจทำให้การซื้อขายเบาบาง ระหว่างวันเงินบาทอาจผันผวนได้

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 36.75 - 37.00 บาท/ดอลลาร์ ต้องติดตาม Flow จากต่าง ชาติที่จะเข้ามาในตลาดหุ้น และตลาดพันธบัตรของไทยในวันนี้ด้วย

THAI BAHT FIX 3M (16 ก.ย.) อยู่ที่ระดับ 0.86605% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 0.85128%

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 143.03 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 143.30 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0007 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 0.9977 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 37.011 บาท/ดอลลาร์
  • โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีมูลค่าเงินสำรองระหว่างประเทศของประเทศปรับลดลง เป็นผลมาจาก
การแข็งค่าอย่างต่อเนื่องของเงินดอลลาร์ พร้อมเน้นย้ำไม่พบสัญญาณการเคลื่อนย้ายเงินทุนที่ผิดปกติ และระดับเงินสำรองฯ เมื่อเทียบต่อ
ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือ GDP ยังสูงกว่าหลายประเทศ
  • "พิพัฒน์" เปิด "แผน 180 วัน ฟื้นประเทศ ฟื้นการท่องเที่ยว" ดูดรายได้จากการท่องเที่ยว 1.2 ล้านล้านบาท ประสาน
สายการบินเปิดเส้นทางใหม่
  • นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย เปิดเผยถึงแนวโน้มธุรกิจประกันวินาศภัยในปี 2566 โดยคาดการณ์ ว่า จะมีอัตราการ
เติบโตประมาณ 4.5%-5.5% เบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรวม 282,200-287,900 ล้านบาท ส่วนในปี 2565 ประมาณการว่า จะเติบโต
ประมาณ 3.5%-4.5% มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรวม 272,000-274,600 ล้านบาท โดยการประกันภัยแทบทุกประเภทมีแนวโน้มเติบโต
เพิ่มขึ้นจากการที่เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย มูลค่าการส่งออกและนำเข้า สินค้าที่มีแนวโน้ม
เพิ่มมากขึ้น ยอดจำหน่ายรถยนต์ที่เพิ่มมากขึ้นกว่าปีที่แล้ว
  • ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 59.5 ในเดือนก.ย. จากระดับ 58.6 ในเดือนส.ค. แต่ต่ำกว่าตัว
เลขเบื้องต้นที่ระดับ 60.0 ขณะเดียวกัน ผู้บริโภคคาดการณ์ว่า เงินเฟ้อจะแตะระดับ 4.6% ในช่วง 1 ปีข้างหน้า โดยต่ำกว่าระดับ
4.8% ที่มีการสำรวจในเดือนที่แล้ว และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2564
  • โกลด์แมน แซคส์ ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปี 2566 ลงเหลือ 1.1% จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่
ระดับ 1.5% โดยระบุว่า การเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศ
  • นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในสัปดาห์นี้
ข้อมูลล่าสุดจาก FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ตลาดการเงินปรับตัวรับโอกาส 82% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะ
สั้น 0.75% ในวันพุธที่ 21 ก.ย.นี้ นอกจากนี้ ผลสำรวจคาดการณ์ว่า BOJ จะตรึงอัตราดอกเบี้ยเอาไว้ที่ระดับต่ำเป็นพิเศษต่อไปในการ
ประชุมวันพุธนี้
  • จับตาธนาคารกลางจีนเตรียมแถลงอัตราดอกเบี้ยลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปีและ 5 ปีในวันพรุ่งนี้ (20 ก.ย.) ขณะ
ที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางจีนจะคงอัตราดอกเบี้ย LPR ไว้ที่ระดับเดิม หลังจากประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้
ระยะกลาง (MLF) ระยะ 1 ปีซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของจีนไว้ที่ระดับ 2.75% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
  • ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ที่จะมีการรายงานในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนก.ย., ตัวเลขการ

เริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนส.ค., ยอดขายบ้านมือสองเดือนส.ค., ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประชุมนโยบายการเงิน

และแถลงมติอัตราดอกเบี้ย, ดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส 2/2565 และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนส.ค.จากคอนเฟอเรนซ์บอร์ด เป็นต้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ