ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 37.46 อ่อนค่าต่อสอดคล้องภูมิภาค คาดกรอบสัปดาห์หน้า 37.40 - 37.60

ข่าวเศรษฐกิจ Friday September 23, 2022 17:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 37.46 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อน ค่าจากเปิดตลาดเมื่อเช้าที่ระดับ 37.37 บาท/ดอลลาร์

วันนี้ เงินบาทยังคงทำสถิติอ่อนค่าสุดในรอบ 16 ปี หลังดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่าเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงิน เนื่องจากตลาด กังวลกรณีที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ส่งสัญญาณในการปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องเพื่อแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อ ระหว่างวันเงินบาท เคลื่อนไหวตามทิศทางค่าเงินภูมิภาค ในกรอบระหว่าง 37.21 - 37.46 บาท/ดอลลาร์

"บาทปิดตลาดอ่อนค่าสุดของวัน และทำนิวไฮในรอบ 16 ปี เคลื่อนไหวตามทิศทางตลาดโลกที่กังวลเรื่องการปรับขึ้น ดอกเบี้ยของเฟด โดยมีแรงซื้อดอลลาร์ต่อเนื่อง นักลงทุนพักเงินเป็นดอลลาร์ ส่วนมติ ศบค.ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีผลจำกัดต่อค่า เงิน" นักบริหารเงิน กล่าว

ตลาดยังคงให้ความสำคัญต่อผลประชุมเฟด ส่วนการประชุม กนง.ในช่วงกลางสัปดาห์หน้า ตลาดมองว่าหากมีมติปรับขึ้น ดอกเบี้ย 0.25% อาจน้อยเกินไป แนวโน้มเงินบาทในสัปดาห์หน้ายังอ่อนค่าต่อเนื่อง

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันจันทร์ไว้ที่ 37.40 - 37.60 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 143.12 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าที่ระดับ 142.25 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 0.9735 ดอลลาร์/ยูโร อ่อนค่าสุดในรอบ 20 ปี จากเมื่อเช้าที่ระดับ 0.9840 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,631.71 จุด ลดลง 13.58 จุด, -0.83% มูลค่าการซื้อขาย 63,750.08 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 3,147.40 ล้านบาท (SET+MAI)
  • สำนักวิจัยธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) ปรับประมาณการอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย (GDP) ปี 65
เป็นเติบโต 3.2% จากเดิมที่ 3.1% โดยคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลัง จะสามารถโตได้ราว 4% จากปีก่อน และมองการเติบโตปี 66
ที่ 3.4%
  • นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ชี้เงินบาทอ่อนค่ามากที่สุด
ในรอบ 16 ปี โดยแตะทะลุ 37 บาทกว่า/ดอลลาร์ สะท้อนมีเงินทุนไหลออก แต่เป็นการไหลออกจากการลงทุน ซึ่งถือเป็นเรื่อง
ปกติ เนื่องจากสหรัฐมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งดึงดูดเม็ดเงินจากประเทศต่างๆ ให้ไหลเข้าสหรัฐ ทำให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น
  • ศบค.ชุดใหญ่ เห็นชอบยกเลิกประกาศการบังคับใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ในทุกเขตท้อง
ที่ทั่วราชอาณาจักร รวมทั้งบรรดาข้อกำหนด ประกาศ และคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี (ครม.) ใช้อำนาจแห่งการ
ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั้งหมด โดยสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.65 เป็นต้นไป แล้วกลับไปใช้ พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ซึ่งการยก
เลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มีผลให้ยุบการทำงานของ ศบค.ไปด้วย
  • โฆษก ศบค.เผยตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-21 ก.ย.อยู่ที่
5,257,196 คน เพิ่มขึ้นจากทั้งปี 64 ที่มีนักท่องเที่ยวเพียง 427,869 คนเท่านั้น โดยรายได้จากการท่องเที่ยว (1 ม.ค.-21 ก.
ย. 65) สะสมอยู่ที่ 211,974 ล้านบาท
  • ผลสำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล/ซีไอพีเอส แสดงให้เห็นว่าธุรกิจอังกฤษทรุดตัวลงเพิ่มเติมในเดือน ก.ย.เนื่อง
จากต้องต่อสู้กับต้นทุนที่พุ่งทะยานขึ้นและอุปสงค์ที่หยุดชะงัก ซึ่งทำให้ความเสี่ยงของการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยเพิ่มสูงขึ้น โดยดัชนี
ผู้จัดการฝ่ายซื้อ (PMI) รวมขั้นต้นปรับตัวลดลงแตะ 48.4 ในเดือน ก.ย.จากระดับ 49.6 ในเดือน ส.ค.ซึ่งต่ำสุดนับตั้งแต่บังคับ
ใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อสกัดโควิด-19 ในเดือน ม.ค.ปีที่แล้ว
  • ผลสำรวจขั้นต้นของเอสแอนด์พี โกลบอล แสดงให้เห็นว่ากิจกรรมธุรกิจของเยอรมนีหดตัวลงเพิ่มเติมในเดือน ก.ย.
เนื่องจากต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเยอรมนี ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป ขณะเดียวกันบริษัทต่าง ๆ คาดการณ์
ถึงการปรับลดลงของธุรกิจใหม่ โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อ (PMI) รวมขั้นต้น ที่ติดตามทั้งภาคการผลิตและบริการ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน
กว่าสองในสามของเศรษฐกิจเยอรมนี ปรับตัวลดลงแตะ 45.9 ในเดือน ก.ย. จากตัวเลขขั้นสุดท้ายเดือน ส.ค.ที่ 46.9
  • โนมูระ ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนในปี 2566 ลงเหลือ 4.3% จากตัวเลขคาดการณ์เดิม
5.1% จากการที่จีนใช้นโยบายโควิดเป็นศูนย์ (Zero-COVID Policy) มาเป็นเวลานาน และจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่พุ่งขึ้นใน
ประเทศหลังจากจีนเริ่มเปิดประเทศในเดือน มี.ค.65
  • ธนาคารกลางเวียดนาม ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากถึง 1% ในวันนี้ ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับตลาด และ

ถือเป็นการดำเนินการที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก เพื่อที่จะควบคุมเงินเฟ้อ และรักษาเสถียรภาพของค่าเงินดอง ซึ่งร่วงลงแตะระดับต่ำสุด

เป็นประวัติการณ์ในสัปดาห์นี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ