เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบเงินยูโรในการซื้อขายช่วงบ่ายวันนี้ (1 เม.ย.) หลังนักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะยังไม่ลดดอกเบี้ยในระยะนี้ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้น ดัชนีราคาผู้บริโภคในกลุ่มยูโรโซนทะยานเกินคาดกว่า 3.5% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเหนือกว่าที่ธนาคารกลางยุโรปคาดไว้ว่าจะเพิ่มเพียง 2% อีกทั้งยังเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 15 ปีด้วย ในขณะเดียวกัน มีกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดดอกเบี้ยอีกในช่วงหลายเดือนต่อจากนี้ โดยตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้ว เฟดได้ลดดอกเบี้ยไปแล้วทั้งหมด 3% ในขณะที่ธนาคารกลางยุโรปตรึงดอกเบี้ยมาโดยตลอด อัตราดอกเบี้ยในสหรัฐที่ลดลง หมายความว่าผลตอบแทนจากสินทรัพย์ที่ผูกติดกับเงินดอลลาร์ก็จะลดลง ส่งผลให้เงินดอลลาร์ไม่น่าดึงดูดใจ "ธนาคารกลางยุโรปไม่น่าจะลดดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ ดังนั้นส่วนต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐและยุโรปจะกว้างขึ้นเรื่อยๆ" โทโมโกะ ฟูจิอิ หัวหน้านักยุทธศาสตร์เศรษฐกิจจากแบงค์ ออฟ อเมริกา กล่าว สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียล รายงานว่า ณ เวลา 13.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น (12.00 น.ตามเวลาประเทศไทย) เงินยูโรซื้อขายที่ระดับ 1.5772 ดอลลาร์ต่อยูโร เพิ่มขึ้นจาก 1.5751 ดอลลาร์ต่อยูโรในช่วงเช้าที่ตลาดออสเตรเลีย ในขณะเดียวกัน เงินดอลลาร์อยู่ที่ระดับ 99.95 เยนต่อดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจาก 99.88 เยนต่อดอลลาร์ในช่วงเช้า และจาก 99.76 เยนต่อดอลลาร์ในตลาดนิวยอร์กเมื่อวานนี้ เงินเยนที่อ่อนค่าลงก่อให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับเศรษฐกิจญี่ปุ่น นอกจากนั้นผลสำรวจความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของญี่ปุ่น (ทังกัน) ยังร่วงลงเหลือ 11 จุด ในเดือนมี.ค. จากเดิมที่ระดับ 19 จุดในเดือนธ.ค. และนับเป็นระดับที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2546 บริษัทในญี่ปุ่นได้ปรับลดคาดการณ์ผลกำไรก่อนหักภาษีประจำปีงบประมาณที่เพิ่งสิ้นสุดไปลง 1.6% จากที่เคยคาดการณ์ว่าจะมีการขยายตัว 1.1%