นายคริสเตียน โนเยอร์ สมาชิกคณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) เปิดเผยว่า กลุ่มประเทศในเขตทวีปยุโรปมีแนวโน้มทางเศรษฐกิจที่ดีกว่าในสหรัฐอเมริกามาก และกล่าวว่าธนาคารกลางจำเป็นต้องควบคุมอัตราเงินเฟ้อในระหว่างที่ตลาดเงินเผชิญความผันผวนอยู่ในขณะนี้
สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานคำกล่าวของนายโนเยอร์ว่า "แนวโน้มเศรษฐกิจระยะสั้นในเขตทวีปยุโรปได้รับปัจจัยหนุนมากกว่าในสหรัฐมาก แม้ว่าเศรษฐกิจในเขตยูโรโซนจะชะลอตัว แต่ก็ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะเข้าสู่ภาวะถดถอย"
นายโนเยอร์กล่าวว่า ผลกระทบจากสถานการณ์ตึงเครียดในตลาดเงินที่ยืดเยื้อยาวนานไม่ได้สร้างปัญหาให้กับประเทศในเขตยูโรโซนมากนัก เนื่องจากตัวเลขหนี้สินภาคครัวเรือนตามมาตรฐานของธนาคารทั่วโลกยังอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่ความตื่นตระหนกในตลาดเงินส่งผลกระทบต่ออัตราการใช้จ่ายภาคครัวเรือนเพียงเล็กน้อย
ทั้งนี้ นายโนเยอร์ ซึ่งนั่งแท่นผู้ว่าการธนาคารกลางฝรั่งเศสด้วยนั้นกล่าวว่า ปัญหาด้านการเงินที่ร้ายแรงในระบบการธนาคารมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นกับประเทศในเขตยูโรโซนน้อยกว่าในสหรัฐ
"แม้ว่าธนาคารพาณิชย์ในยุโรปจะยังไม่มีเกราะป้องกันภาวะขาดทุนอันเนื่องมาจากปัญหาในตลาดซัมไพรม์ของสหรัฐและภาคธุรกิจอื่นๆที่ประสบภาวะชะงักงันนับตั้งแต่เกิดวิกฤติการณ์ขึ้น แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อประเทศในเขตทวีปยุโรปน้อยกว่าในสหรัฐมาก ขณะที่รูปแบบการดำเนินงานของธนาคารทั่วโลกได้ช่วยบรรเทาผลกระทบจากวิกฤติสินเชื่อได้ อย่างไรก็ตาม แม้ยุโรปจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แต่วิกฤตสินเชื่อยังคงไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุดลงในเร็ววัน"
นอกจากนี้ นายโนเยอร์ได้ทิ้งท้ายว่า เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องควบคุมอัตราเงินเฟ้อในยามที่เกิดภาวะปั่นป่วนทางการเงิน โดยกล่าวว่า "ในช่วงที่เกิดปัญหาทางการเงิน ธนาคารจำเป็นต้องสร้างความมั่นใจด้านเสถียรภาพของราคา ซึ่งการคาดการณ์เงินเฟ้อที่แข็งแกร่งยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการปรับลดดอกเบี้ยในยามที่ความไม่แน่นอนทางการเงินปรากฎให้เห็นเด่นชัดขึ้น ขณะที่อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับช่วงขาลง "
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--