ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 37.74 แข็งค่าจากช่วงเช้าตามภูมิภาค รับเม็ดเงินไหลเข้า-ตัวเลขดุลการค้าหนุน

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday October 26, 2022 17:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 37.74 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่าจาก เปิดตลาดเมื่อเช้าที่ระดับ 38.03 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวตามค่าเงินหยวนและค่าเงินในภูมิภาค เนื่องจากดอลลาร์อ่อนค่าหลังอัตราดอก เบี้ยพันธบัตรสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง

ในระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 37.67 - 38.11 บาท/ดอลลาร์ นอกจากนี้บาทยังได้รับปัจจัยหนุนจากเงินทุนต่าง ประเทศเคลื่อนย้ายเข้ามาลงทุนในตลาดพันธบัตรราว 5 พันล้านบาท และตัวเลขภาวะการค้าต่างประเทศในเดือน ก.ย.65 ที่ยอดขาด ดุลการค้าลดลงมากจากเดือนก่อนหน้านี้

"ช่วงบ่ายบาทแข็งค่ามาเยอะตามเงินหยวน หลังดอลลาร์อ่อนค่าตามบอนด์ยีลด์ มี flow ไหลเข้ามาในตลาดพันธบัตร รวมถึง ยอดขาดดุลการค้าลดลง" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 37.60 - 37.85 บาท/ดอลลาร์ โดยคืนนี้จะมีการ ประกาศตัวเลขยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐฯ ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่าจะปรับตัวลดลง 15%

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 147.09 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าที่ระดับ 148.19 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0021 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าที่ระดับ 0.9944 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,596.46 จุด ลดลง 4.20 จุด, -0.26% มูลค่าการซื้อขาย 60,584.52 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 860.41 ล้านบาท (SET+MAI)
  • รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยว่า ในเดือนก.ย.65 มีมูลค่า 24,919 ล้านเหรียญสหรัฐ
ขยายตัว 7.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ตลาดคาดว่าจะขยายตัว 4.3.-4.4% ขณะที่การนำเข้า มีมูลค่า 25,772 ล้านเหรียญ
สหรัฐ ขยายตัว 15.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้เดือนก.ย. ไทยขาดดุลการค้า 853.2 ล้านเหรียญสหรัฐ

รมว.พาณิชย์ เชื่อว่า การส่งออกของไทยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ จะขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่อง และยังเป็นตัวขับ เคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญในการสร้างรายได้ให้กับประเทศ โดยคาดว่าทั้งปีนี้ การส่งออกของไทยจะขยายตัวได้ราว 8% จากเป้าหมายที่ตั้ง ไว้ที่ 4%

  • นายกรัฐมนตรี มั่นใจนโยบายการฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐบาลกำลังดำเนินไปตามแผนอย่างเป็นระบบ หลังสถานการณ์การแพร่
ระบาดของโรคโควิด-19 เริ่มคลี่คลายแล้ว แม้ราคาพลังงานและเชื้อเพลิงยังคงมีความผันผวนสูง รวมถึงอัตราเงินเฟ้อที่ยังต้องเฝ้าระวัง
ไม่เพียงเฉพาะประเทศไทยเท่านั้น แต่เป็นไปในแนวทางเดียวกับทั่วโลก
  • สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เผยการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ 43 แห่งที่ สคร.กำกับดูแล
โดยตรง ณ สิ้นเดือนกันยายน 2565 เป็นไปตามเป้าหมาย โดยมีผลการเบิกจ่ายงบลงทุนสะสม 276,249 ล้านบาท หรือคิดเป็น 96% ของ
แผน
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดผลการทดสอบโครงการ Multiple Central Bank Digital Currency
Bridge (mBridge) พบว่าการทำธุรกรรมโอนเงินและแลกเปลี่ยนเงินระหว่างประเทศ บนระบบ mBridge ด้วย CBDC สามารถเพิ่ม
ประสิทธิภาพของการโอนเงินระหว่างประเทศได้เทียบกับระบบในปัจจุบัน โดยลดการพึ่งพาธนาคารตัวแทนต่างประเทศ
(correspondent banks) ซึ่งช่วยลดระยะเวลาการโอนเงินระหว่างประเทศลงเหลือเป็นหลักวินาที (จากเดิมเฉลี่ย 3-5 วัน), ลดต้น
ทุนการทำธุรกรรมการโอนเงิน และลดความเสี่ยงด้านการชำระดุล (settlement risk) และ 4. เอื้อต่อการใช้สกุลเงินท้องถิ่นในการ
ชำระเงินระหว่างประเทศ
  • ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) เปิดเผยว่า ธนาคารทหารไทยธนชาต ทำคำเสนอซื้อคืนเป็น
การทั่วไป (Tender Offer) จะอยู่ในระหว่างวันที่ 26 ต.ค.-3 พ.ย. 65 เพื่อซื้อคืนตราสารหนี้ AT1 ที่มีชื่อว่า US$400,000,000
4.90 per cent. Perpetual Additional Tier 1 Capital Securities (จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์) เป็นมูลค่า
ไม่เกิน 120 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 30% ของจำนวนเงินต้นรวมทั้งหมดของตราสารหนี้ AT1 ซึ่งเมื่อรวมกับการซื้อคืนบางส่วนจาก
ตลาดรองในต่างประเทศ (Open Market Repurchase) ในช่วงก่อนหน้า จำนวนรวม 28,960,000 เหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น
7.24% ของจำนวนเงินต้นรวมทั้งหมด จะรวมเป็นมูลค่าการซื้อคืนทั้งสิ้นไม่เกิน 150 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 37.50% ของจำนวน
เงินต้นรวมทั้งหมด
  • ธนาคารกลางสิงคโปร์ (MAS) เสนอมาตรการใหม่ในการกำกับดูแลการซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีและสเตเบิลคอยน์ เพื่อ
ลดความเสี่ยงของผู้บริโภคที่อาจได้รับผลกระทบจากความผันผวนของอุตสาหกรรมดังกล่าว
  • อู่ฮั่นซึ่งเป็นเมืองหลวงของมณฑลหูเป่ยในประเทศจีน ประกาศล็อกดาวน์เขตฮั่นหยางซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมือง หลังจากพบผู้ติด
เชื้อโควิด-19 จำนวนหลายราย
  • ผู้อำนวยการบริหารของสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ออกมาเตือนว่า กลุ่มประเทศเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนาเป็น
กลุ่มที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดจากราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้น
  • ประธานคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารแห่งวุฒิสภาสหรัฐ เรียกร้องให้ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระมัดระวัง
เรื่องการคุมเข้มนโยบายการเงิน เพราะวิตกกังวลว่า ชาวอเมริกันหลายล้านคนที่เผชิญปัญหาเงินเฟ้อสูงอยู่แล้วอาจต้องตกงานร่วมด้วย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ