ผู้ว่าฯธปท.ย้ำต้องรักษาสมดุลนวัตกรรมควบคู่ดูแลความเสี่ยง ลดผลกระทบต่อศก.

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday October 27, 2022 13:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ผู้ว่าฯธปท.ย้ำต้องรักษาสมดุลนวัตกรรมควบคู่ดูแลความเสี่ยง ลดผลกระทบต่อศก.

นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ "Unlocking Opportunities for Thailand with Responsible Financial Innovations" ในงาน BOT Digital Finance Conference 2022 โดยระบุว่า ในปัจจุบันประเทศไทยกำลังเผชิญความท้าทาย 4 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1. การเติบโตทางเศรษฐกิจและผลิตภาพการผลิตที่ต่ำ รวมทั้งการขาดความสามารถในการแข่งขัน 2. การขาดภูมิคุ้มกัน (resiliency) ที่เพียงพอในการรับมือกับความผันผวนต่าง ๆ ในโลก ซึ่งอาจส่งผลต่อเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจการเงินไทย 3. การละเลยความสำคัญของการเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งเห็นได้ชัดจากปัญหาหนี้ครัวเรือน และ 4. ความเหลื่อมล้ำทางสังคมและเศรษฐกิจ

ในอดีต ธปท. และผู้ดำเนินนโยบายเศรษฐกิจ เน้นแก้โจทย์ข้อแรกเป็นหลัก แต่ปัจจุบันจำเป็นต้องพิจารณาให้รอบด้าน โดยครอบคลุมอีก 3 ด้านที่เหลือมากขึ้น เพื่อช่วยให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน

นายเศรษฐพุฒิ กล่าวว่า ที่ผ่านมา "นวัตกรรม" เหมือนจะเป็นคำตอบสำคัญที่ภาคส่วนต่าง ๆ เห็นว่าจะเป็นพลังสำคัญที่ช่วยผลักดันให้ประเทศไทยก้าวผ่านความท้าทายข้างต้น โดยเฉพาะการสร้างความเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่แท้จริงแล้ว เราไม่ควรพิจารณานวัตกรรมจากเฉพาะแง่มุมของการเป็นสิ่งใหม่ที่ดูจะมีศักยภาพเท่านั้น แต่ต้องให้ความสำคัญกับการดูแลความเสี่ยงที่อยู่บนพื้นฐานของความรับผิดชอบต่อสังคมโดยรวมด้วย หรือที่เรียกว่า "นวัตกรรมที่มีการดูแลความเสี่ยงบนพื้นฐานของความรับผิดชอบต่อสังคมโดยรวม (responsible innovation)"

ทั้งนี้ Responsible innovation ในมุมมองของ ธปท. จะต้องมี 4 องค์ประกอบหลัก ได้แก่

1. สามารถเสริมสร้างศักยภาพและ productivity ของเศรษฐกิจได้จริง

2. ไม่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจการเงิน (เช่น นวัตกรรมต้องไม่ทำเพื่อหวังเก็งกำไร สร้างกระแส หรือหลอกลวงประชาชน)

3. คำนึงถึงมิติความยั่งยืน (เช่น ไม่สร้างภาระหนี้จนเกินสมควรในระยะยาว)

4. ช่วยสร้างความมั่งคั่งที่สังคมสามารถเข้าถึง และได้รับประโยชน์ร่วมกันได้อย่างทั่วถึง ไม่เหลื่อมล้ำ รวมทั้งไม่ก่อให้เกิดการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม

ผู้ว่าการ ธปท. ได้ยกตัวอย่างของนวัตกรรมที่มีการดูแลความเสี่ยง บนพื้นฐานของความรับผิดชอบต่อสังคมโดยรวม เช่น

  • โครงการ PromptPay ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ของระบบการชำระเงิน เปิดโอกาสให้ภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งระดับประชาชนและกิจการขนาดใหญ่หรือเล็ก สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินและโอกาสทางธุรกิจได้อย่างเท่าเทียมและยั่งยืนยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยส่งเสริม resiliency โดยเฉพาะในช่วงโควิด-19
  • โครงการ mBridge เป็นการทดลอง Wholesale CBDC ร่วมกับธนาคารกลางอื่นหลายแห่ง เพื่อแก้ปัญหาความไม่มีประสิทธิภาพของการโอนเงินระหว่างประเทศ ทำให้สามารถโอนเงินได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ด้วยต้นทุนและความเสี่ยงด้านการชำระดุลที่ต่ำลง
  • การทำ tokenization ของสินทรัพย์ทางการเงินต่าง ๆ เช่น อสังหาริมทรัพย์ หรือใบแจ้งหนี้ (invoice) แม้จะเป็นแนวคิดใหม่ แต่มีศักยภาพในการช่วยเพิ่มการเข้าถึงระบบการเงินซึ่งอาจเป็น game changer ต่อไป
"นวัตกรรมบางประเภท อาจยังต้องผ่านการพิสูจน์เพิ่มเติมให้มั่นใจว่า การนำเทคโนโลยีที่มีศักยภาพ (เช่น Distributed Ledger Technology) มาปรับใช้จะต้องมี use case ที่สามารถสร้างประโยชน์ต่อภาคเศรษฐกิจจริงได้อย่างแท้จริงและยั่งยืน โดยไม่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพ และไม่สร้างความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจสังคมให้รุนแรงขึ้น" นายเศรษฐพุฒิ กล่าว

พร้อมระบุว่า ธปท. จะให้ความสำคัญและสนับสนุนให้เกิด responsible innovation ในภาคการเงินไทย ขณะเดียวกัน ก็จะดูแลไม่ให้เกิดกรณีที่อาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพ ความเท่าเทียมกัน และการพัฒนาอย่างยั่งยืน ผ่านการดำเนินการ ได้แก่

1. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน โดยที่ผ่านมา ธปท.ได้ผลักดันการวางระบบชำระเงินทั้งภายในและระหว่างประเทศ โครงการ CBDC การพิสูจน์และยืนยันตัวตนนิติบุคคล และการสนับสนุนการแลกเปลี่ยนและการใช้ข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ และทุกภาคส่วนเข้าถึงได้ (open data)

2. การสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมโดยภาคเอกชน โดยการปรับปรุงเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง และอนุญาตการทดลองนวัตกรรมผ่าน regulatory sandbox ของ ธปท. ให้ยืดหยุ่นยิ่งขึ้นและไม่เป็นอุปสรรค รวมทั้งมีการวางราวกั้น (guardrail) ที่สามารถปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับความเสี่ยงที่เปลี่ยนไป เช่น การยกเลิกข้อจำกัดในการลงทุนในธุรกิจ FinTech (FinTech Limit) และการกำหนดเพดานการลงทุนของกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ที่ประกอบธุรกิจและทำธุรกรรมเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล ที่ 3% ของเงินกองทุนของธนาคารพาณิชย์และกลุ่มธุรกิจการเงิน

3. การส่งเสริมให้เกิดการแข่งขัน เช่น การเปิดโอกาสให้ผู้เล่นใหม่ ๆ ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนเข้ามาแข่งขันได้ผ่านการออกใบอนุญาตให้จัดตั้ง virtual banking ได้ในอนาคต "การจะผลักดันให้เกิด responsible innovation ได้ ต้องอาศัยความร่วมมือจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้ให้บริการ และหน่วยงานกำกับดูแล โดยธปท. พร้อมเปิดกว้าง ยินดีรับฟัง และร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับผู้เกี่ยวข้อง เพื่อหาจุดสมดุลระหว่างบทบาทของภาครัฐและภาคเอกชนที่เหมาะสมในการขับเคลื่อนพันธกิจสำคัญนี้ให้ประสบความสำเร็จ และสร้างประโยชน์อย่างแท้จริงสำหรับประเทศไทย" ผู้ว่าการ ธปท.ระบุ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ