TTB คาดปี 66 ปัญหาขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ดีขึ้น ส่งผลบวกอุตฯยานยนต์-เครื่องใช้ไฟฟ้า

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday November 17, 2022 16:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics คาดปี 66 สถานการณ์การขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกมีแนวโน้มคลี่คลายลง สอดคล้องกับเศษฐกิจโลกที่ชะลอตัว และความต้องการในกลุ่มอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นตลาดผู้บริโภคหลักมีแนวโน้มลดลง โดยปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ที่ลดลง เป็นปัจจัยบวกต่ออุตสาหกรรมของไทยที่ต้องพึ่งพาเป็นชิ้นส่วนหลัก โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ให้สามารถดำเนินการผลิตได้ต่อเนื่อง

ttb analytics คาดการณ์ยอดขายเซมิคอนดักเตอร์ของโลกในปี 65 และปี 66 มีแนวโน้มการเติบโตลดลงเหลือ 7% และ 3.5% และเมื่อพิจารณาในรายละเอียดประเภทสินค้า จากการคาดการณ์ของบริษัทวิจัย TrendForce พบว่า ปี 65 การขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า มีแนวโน้มลดลง

ส่วนในปี 66 ปัญหาการขาดแคลนในอุตสาหกรรมรถยนต์จะน้อยลง ในขณะที่บางอุตสาหกรรม เช่น อุปกรณ์สื่อสาร เครื่องจักรหุ่นยนต์/ปัญญาประดิษฐ์ เครื่องเกมยุคใหม่ ยังคงขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์บางประเภทอยู่ต่อไป สาเหตุมาจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ผลักดันให้เกิดดีมานด์สูงกว่าอุปทานที่มี รวมถึงผลกระทบจากมาตรการของสหรัฐฯ กีดกันการส่งออกชิปเทคโนโลยีระดับสูงและอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิตชิปไปยังประเทศจีน เกิดเป็นข้อจำกัดทั้งการผลิตและตลาดมากขึ้นในระยะต่อไป

ในส่วนของอุตสาหกรรมปลายน้ำของไทยที่พึ่งพาเซมิคอนดักเตอร์ ได้แก่ ยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า จึงมีทิศทางดีขึ้น จากการมีชิ้นส่วนเพียงพอรองรับการผลิตได้มากขึ้นกว่าในช่วงที่ผ่านมา สถานการณ์ขาดแคลนชิปที่มีแนวโน้มลดลง ส่งผลดีต่อผู้ผลิตสินค้าในประเทศ

สะท้อนจากตัวเลขมูลค่านำเข้าของไทยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 65 เติบโตถึง 42% เมื่อเทียบกับปี 64 ซึ่งสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งมาจากไต้หวัน และจีน ประเภทเซมิคอนดักเตอร์ที่ไทยนำเข้า มีทั้งแผงวงจร และอุปกรณ์กึ่งตัวนำอื่นๆ และระยะต่อไป อุตสาหกรรมรถยนต์ของไทย ยังจำเป็นต้องใช้ชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ระบบเซนเซอร์ต่างๆ เพื่อรองรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ในอนาคตผู้ประกอบการไทยมีความท้าท้ายในด้านเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มเติบโตช้าลง รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของห่วงโซ่อุปทานเทคโนโลยีโลก ตลาดเซมิคอนดักเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีสูงจึงมีแนวโน้มตึงตัวต่อไป

ทั้งนี้ จากผลกระทบของมาตรการของสหรัฐฯ ในการกีดกันการส่งออกชิปที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงไปยังจีน โดยสินค้าปลายน้ำที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงจากประเทศจีน อาจไม่รองรับความต้องการของผู้ประกอบการไทยที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ดังนั้น แนะนำให้ภาคการผลิต จำเป็นต้องบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) อย่างใกล้ชิด และให้ครอบคลุมความเสี่ยงทั้งด้านการผลิต การตลาด และเทคโนโลยีมากขึ้น

จากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้ยอดขายเซมิคอนดักเตอร์ในตลาดโลกสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เซมิคอนดักเตอร์เป็นสารกึ่งตัวนำที่ใช้ทำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ตั้งแต่ชิ้นส่วนประกอบขนาดเล็กๆ เช่น ชิป หรือแผงวงจร ซึ่งครอบคลุมสินค้าหลากหลาย อาทิ กลุ่มคอมพิวเตอร์ การสื่อสารคมนาคม เครื่องมือในภาคอุตสาหกรรม

ในปี 64 ยอดขายเซมิคอนดักเตอร์ มีมูลค่าสูงถึง 5.8 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโตกว่า 25% จากปี 63 หลังจากที่กลุ่มผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์เร่งการผลิต เพื่อตอบสนองต่อการขาดแคลนชิปทั่วโลก ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ผู้บริโภคมีความต้องการใช้สินค้าอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มมากขึ้น

อีกทั้งมีความต้องการเซมิคอนดักเตอร์ในอุตสาหกรรมอื่นๆ จากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว หลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างไรก็ดี แม้ว่าจะเร่งการผลิต แต่ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

สำหรับทิศทางตลาดเซมิคอนดักเตอร์โลกชะลอตัวไตรมาส 3 ปี 65 สะท้อนจากยอดขายเซมิคอนดักเตอร์โลกลดลงเป็นไตรมาสแรกในรอบ 3 ปีที่ผ่านมาที่ 3% เมื่อเทียบกับปี 64 อย่างไรก็ตาม กลุ่มชิ้นส่วนในคอมพิวเตอร์มีการใช้เซมิคอนดักเตอร์ในกระบวนการผลิตถึง 1 ใน 3 ของทั้งหมด พบว่า ความต้องการในปีนี้ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยไตรมาส 3 ยอดขายลดลงถึง 19.5% เมื่อเทียบกับปี 64

นอกจากนี้ ระยะเวลาในการรอสินค้า (Lead Time) ในการส่งมอบเซมิคอนดักเตอร์เดือนก.ย. ลดลงเหลือ 26.3 สัปดาห์ จากระยะเวลาสูงสุดที่ 27.1 สัปดาห์ ในเดือนพ.ค. สะท้อนถึงการขาดแคลนชิปที่ลดลง แต่ยังไม่กลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ