ท่องเที่ยวฟื้นชัด หนุนดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคธ.ค.สูงสุดรอบ 25 เดือน

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday January 12, 2023 10:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนธ.ค.65 อยู่ที่ 49.7 ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 และอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 25 เดือน

ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยโดยรวม อยู่ที่ 43.9 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานทำ อยู่ที่ 47.0 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ 58.1

สำหรับปัจจัยบวกช่วยดัชนีความเชื่อมั่นฯ ปรับตัวดีขึ้น ได้แก่ ราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศทรงตัวจากเดือนที่ผ่านมา, จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นหลังเปิดประเทศ ส่งผลให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในประเทศและกิจกรรมเศรษฐกิจ, ดัชนีตลาดหุ้นไทย ปรับตัวเพิ่มขึ้น, ราคาพืชผลทางการเกษตรหลายรายการปรับตัวดัขึ้นหรือทรงตัวในระดับดี ส่งผลให้เกษตรกรเริ่มมีรายได้สูงขึ้น, เงินบาทแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย จากการไหลเข้าของเงินต่างประเทศ

ขณะที่ปัจจัยลบ มาจากความกังวลเศรษฐกิจยังฟื้นช้า ตลอดจนปัญหาค่าครองชีพ, การส่งออกเดือนพ.ย.ลดลง, ความกังวลสถานการณ์สงครามรัสเซียและยูเครน กดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และกระทบเชิงลบต่อการส่งออกและเศรษฐกิจไทย, การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังเกิดขึ้นทั่วประเทศ

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ กล่าวว่า ผู้บริโภครู้สึกว่าเศรษฐกิจเริ่มปรับตัวดีขึ้น หลังจากที่การท่องเที่ยวฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งการท่องเที่ยวของคนไทย และนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงสถานการณ์โควิดในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในประเทศมากขึ้น และกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภูมิภาคต่างๆ ปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวลดลงอย่างมากจากช่วงครึ่งปีแรก ทำให้ประชาชนรู้สึกผ่อนคลายเรื่องค่าครองชีพลง ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนธ.ค.65 ปรับตัวดีขึ้นทุกรายการอย่างมีนัยสำคัญ

อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อของหลายประเทศทั่วโลก ที่อาจเป็นปัจจัยเพิ่มแรงกดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่จะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย

นอกจากนี้ จากการสำรวจภาวะการใช้จ่ายของผู้บริโภคในเดือนธ.ค.65 ยังพบว่าดัชนีความเหมาะสมในการซื้อรถยนต์คันใหม่, บ้านหลังใหม่ และการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยว ยังปรับตัวขึ้นสูงสุดทุกดัชนีในรอบ 2-3 ปี ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคเริ่มมีความมั่นใจต่อสถานการณ์เศรษฐกิจในอนาคตว่าจะดีขึ้น จึงทำให้มีความพร้อมในการซื้อสินค้าคงทนถาวรมากขึ้น

"การที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องทุกรายการ ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคเริ่มกลับมาเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจเริ่มกลับมาฟื้นตัวขึ้น และจะเริ่มจับจ่ายใช้สอยเพิ่มมากขึ้นในไตรมาสแรกของปีนี้" นายธนวรรธน์ กล่าว

พร้อมระบุว่า การที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง จากปัจจัยหลักด้านการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวอย่างชัดเจนนั้น เป็นผลจากที่ประเทศไทยได้เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างเสรี และใช้กฎเกณฑ์ที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลกอย่างไม่มีการเลือกปฏิบัติ จึงทำให้ชาวต่างชาติเลือกเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยเป็นเป้าหมายแรกๆ

นอกจากนี้ การที่จีนผ่อนคลายข้อจำกัดเรื่องมาตรการโควิด และเปิดประเทศเร็วกว่าที่คาดไว้ จึงทำให้มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาในไทยเร็วกว่าที่คาดไว้เดิมว่าจะเป็นช่วงไตรมาส 2 ของปี 66 จึงส่งผลให้ความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจ และรายได้ในอนาคตปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

"จากนักท่องเที่ยวที่มาไทยเร็วกว่าคาด โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนนั้น น่าจะเป็นผลจากที่ไทยเปิดรับนักท่องเที่ยวอย่างเสรี ใช้เกณฑ์เดียวกันทั่วโลก ทำให้เป็นที่ยอมรับจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก ส่งผลให้การท่องเที่ยวของไทยฟื้นตัวอย่างโดดเด่น ซึ่งต่อเนื่องมาถึงการจ้างงานในภาคบริการที่เริ่มฟื้นตัว รายได้คล่องตัวขึ้น จากที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยมากขึ้น" นายธนวรรธน์ระบุ

อย่างไรก็ดี ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ จะขอติดตามตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงไตรมาส 1 นี้อีกครั้ง ก่อนที่จะมีการประเมินจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยตลอดทั้งปีนี้ใหม่ โดยเบื้องต้น มองว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้มีโอกาสขึ้นไปทะลุ 25 ล้านคนได้

"เดิมเรามองไว้ปีนี้ที่ 20-25 ล้านคน โดยในนี้จะมีนักท่องเที่ยวจีนประมาณ 5 ล้านคน ซึ่งจะเข้ามาตั้งแต่ไตรมาส 2 แต่ล่าสุด นักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเร็วกว่าที่เราคาดไว้ คือเริ่มเข้ามาแล้วในช่วงนี้ ดังนั้น ขอรอดูสถานการณ์ช่วงไตรมาสแรกนี้อีกครั้ง เพราะมีโอกาสที่นักท่องเที่ยวจีนจะมาไทยทั้งปีที่ 7-8 ล้านคนได้ ซึ่งก็จะทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยรวมในปีนี้ ทะลุ 25 ล้านคน อาจจะขึ้นไปที่ 26-27 ล้านคนได้" นายธนวรรธน์ กล่าว

ส่วนแนวโน้มการเลือกตั้งใหญ่ทั่วประเทศ ที่คาดว่าจะมีขึ้นในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้นั้น นายธนวรรธน์ มองว่า ในช่วงดังกล่าวจะทำให้มีเม็ดเงินสะพัดที่เกิดจากกิจกรรม และการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ราว 4-5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเม็ดเงินนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ราว 0.3% และมีโอกาสจะดันให้ GDP ในช่วงไตรมาส 3 และ 4 ปีนี้ เพิ่มขึ้นอีก 0.5-0.6% จากฐานเดิม ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปีนี้ จะขยายตัวได้ในกรอบ 3.5 - 4.0% และมีโอกาสเป็นไปได้สูงที่จะค่อนไปทาง 4%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ