ภาวะตลาดเงินบาท: เย็นนี้ 32.98 เคลื่อนไหวสอดคล้องภูมิภาค รอเฟดพรุ่งนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday January 31, 2023 16:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 32.98 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากเปิดตลาด ช่วงเช้าที่ระดับ 32.78 บาท/ดอลลาร์ ในระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 32.73 - 32.98 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทเย็นนี้อ่อนค่าเช่นเดียวกับสกุลเงินในภูมิภาค เนื่องจากดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่าเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงินก่อนการประชุม คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC)

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.75- 33.05 บาท/ดอลลาร์ โดยคืนนี้สหรัฐฯ จะเปิดเผย ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ส่วนภาพใหญ่ตลาดรอดูผลประชุม FOMC คืนวันพรุ่งนี้

THAI BAHT SPOT RATE FIXING อยู่ที่ระดับ 32.8035 บาท/ดอลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 130.37 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 130.15 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0811 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0857 ดอลลาร์/ยูโร
  • นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธตอบคำถามถึงการยุบสภาจะเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์หรือไม่ พร้อมระบุว่า ยังไม่มีไทม์ไลน์ในการ
เลือกตั้งของรัฐบาลไว้ในใจ โดยเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพราะหน้าที่ของรัฐบาลถือว่าเสร็จสิ้นหลังกฎหมายลูก
2 ฉบับ คือ พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และ พรรคการเมือง มีผลบังคับใช้
  • รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวจะมีการยุบสภาในวันที่ 15 มี.ค. ว่า เข้าใจว่าน่าจะมาจากคาด
การณ์ว่าจะมีการยุบสภาหลังปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 28 ก.พ.นี้ แต่ทุกอย่างต้องขึ้นกับการตัดสินใจของ พล.อ.ประยุทธ์
จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยยืนยันว่าอย่างไรก็ตาม จะมีการยุบสภาแน่นอน
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผย เศรษฐกิจไทยในเดือนธ.ค. 65 ฟื้นตัวต่อเนื่อง จากภาคบริการที่ขยายตัวดีตาม
จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นสำคัญ สนับสนุนให้เครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนปรับดีขึ้น ขณะที่มูลค่าการส่งออกสินค้ายังได้รับผลจากการ
ชะลอตัวของเศรษฐกิจคู่ค้า ส่วนเงินเฟ้อทั่วไปยังเพิ่มขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อหมวดอาหารสด และพลังงาน ด้านตลาดแรงงานโดยรวมฟื้นตัว
ตามภาวะเศรษฐกิจ
  • ธปท. ประเมินเศรษฐกิจไทยเดือนม.ค.66 จะยังมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง แต่ยังต้องติดตาม 3 ปัจจัย ได้แก่ แนวโน้ม
เศรษฐกิจโลก, ผลจากการเปิดประเทศ และมาตรการสนับสนุนเศรษฐกิจของจีน และการส่งผ่านต้นทุนของผู้ประกอบการที่อาจเพิ่มขึ้น
  • ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ในเดือน ธ.ค. 65 อยู่ที่ 93.89 หดตัว 8.19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
(YoY) โดยเป็นการหดตัวอย่างต่อเนื่อง และหดตัวมากที่สุดในรอบ 28 เดือน (เดือนส.ค. 63 อยู่ที่ระดับ 91.21) แต่ในช่วง 12 เดือน
ของปี 65 (ม.ค.-ธ.ค.) ขยายตัวเฉลี่ย 0.62%
  • สศอ. ประเมินว่า จากนโยบายจีนเปิดประเทศ จะส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมไทย มีรายได้จากนักท่องเที่ยวจีนเพิ่ม
ขึ้นประมาณ 2-3 แสนล้านบาท ซึ่งจะทำให้การบริโภคภายในประเทศเพิ่มขึ้น และส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ภายในประเทศที่แท้จริงภาค
อุตสาหกรรม (Real GDP of Manufacturing) เพิ่มขึ้น 0.30%
  • กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เผยแพร่รายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกฉบับล่าสุดเมื่อวันจันทร์ (30 ม.ค.) โดย
คงคาดการณ์เศรษฐกิจประเทศไทยสำหรับปี 66 และปี 67 โดยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัว 3.7% ในปีนี้ และ 3.6% ในปีหน้า
แต่เตือนว่าอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และกรณีรัสเซียรุกรานยูเครน ยังมีแนวโน้มที่จะถ่วงกิจกรรมเศรษฐกิจต่อไป
  • IMF ปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจโลก ในปี 2566 โดยคาดว่าจะขยายตัวได้ 2.9% ในปี 2566 ซึ่งเพิ่มขึ้น 0.2% จากที่
เคยคาดการณ์ไว้ในเดือนต.ค. อย่างไรก็ตาม ตัวเลขคาดการณ์ล่าสุดนี้ยังคงต่ำกว่าการขยายตัวที่ระดับ 3.4% ในปี 2565
  • นักลงทุนติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในช่วงกลางสัปดาห์นี้ ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะมีมติปรับขึ้นอัตรา

ดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% รวมทั้งรอฟังถ้อยแถลงจากประธานเฟดว่าจะมีการส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ