ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 33.64 อ่อนค่ามากสุดในภูมิภาค รับนลท.หันถือดอลลาร์

ข่าวเศรษฐกิจ Monday February 6, 2023 17:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 33.64 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าต่อ เนื่องจากเปิดตลาดเมื่อเช้าที่ระดับ 33.62 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวตามทิศทางตลาดโลก หลังดอลลาร์แข็งค่าเนื่องจากนักลงทุนหันมาถือ ครองมากขึ้นจากความกังวลเรื่องธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 33.43 - 33.64 บาท/ดอลลาร์

"วันนี้บาทปิดตลาดอ่อนค่าสุดในรอบ 1 เดือน และอ่อนค่ามากสุดในภูมิภาค เนื่องจากนักลงทุนหันกลับไปถือครองดอลลาร์ และ อาจมีการนำเข้าทองคำหลังราคาปรับตัวลดลง" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 33.50 - 33.75 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 131.87 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าที่ระดับ 132.15 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0770 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าที่ระดับ 1.0782 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,682.11 จุด ลดลง 6.25 จุด, -0.37% มูลค่าการซื้อขาย 47,888.62 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 2,275.05 ล้านบาท (SET+MAI)
  • กระทรวงพาณิชย์ เผยอัตราเงินเฟ้อทั่วไป (CPI) เดือน ม.ค.66 ขยายตัว 5.02% ต่ำกว่าตลาดคาด โดยชะลอตัวอยู่ใน
ระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือนตามราคาสินค้าในกลุ่มพลังงานและอาหาร ขณะที่อุปสงค์ในประเทศปรับตัวดีขึ้นจากภาคการท่องเที่ยว ส่งผลให้
การใช้จ่ายในช่วงเทศกาลทั้งปีใหม่และตรุษจีนคึกคักกว่าปีก่อน
  • ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) คาดกรอบเงินบาทในสัปดาห์นี้ 33.20-33.80 บาท/ดอลลาร์ โดยมีปัจจัยที่ต้องติดตาม
ได้แก่ การเสนอชื่อผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) คนใหม่ และความเห็นของประธานเฟดที่ Economic Club of Washington,
D.C.
  • สำนักงานสถิติของเยอรมนี เผยคำสั่งซื้อภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีในเดือน ธ.ค.65 เพิ่มขึ้น 3.2% เมื่อเทียบเป็นราย
เดือน
  • สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลีย (ABS) เผยยอดค้าปลีกไตรมาส 4/2565 ของออสเตรเลียปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรก
ในรอบ 1 ปี เนื่องจากผู้ซื้อลดการใช้จ่ายซื้อสินค้า ซึ่งส่งสัญญาณว่าต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้นมีส่วนควบคุมการใช้จ่าย
  • นายมาซาโยชิ อามามิยะ ได้รับการทาบทามจากรัฐบาลให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งเป็นทาง
เลือกที่มีแนวโน้มจะส่งเสริมนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเป็นพิเศษในปัจจุบัน
  • กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ชี้จีนจำเป็นต้องดำเนินการมากขึ้นในการแก้ไขวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นในตลาด
อสังหาริมทรัพย์ โดยภาคอสังหาริมทรัพย์มีสัดส่วนประมาณ 1 ใน 4 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของจีน และเป็นปัจจัยถ่วง
เศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งนับตั้งแต่ช่วงที่รัฐบาลจีนออกมาตรการควบคุมบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่พึ่งพาเงินกู้มากเกิน
ไปในปี 2563

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ