สรท.คาดส่งออก Q1/66 หดตัว 3-5% ก่อนฟื้นเป็นบวก มองทั้งปีโต 1-2%

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday February 7, 2023 12:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หรือสภาผู้ส่งออก คาดภาวะการส่งออกของไทยในไตรมาสแรกปีนี้อาจเติบโตน้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคาดว่าจะติดลบ 3-5% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว แม้การส่งออกในเดือน ม.ค.จะขยายตัวได้ดีกว่าเดือนเดียวกันของปีก่อนก็ตาม แต่ทั้งปียังมั่นใจว่าจะขยายตัวได้ 1-2%

"ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีก่อนน่าจะเป็นจุดต่ำสุดแล้ว เดือนมกราคมน่าจะส่งออกไปสัก 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์ เติบโต 3-5% แต่ไตรมาสแรกคงได้แค่ 7 หมื่นล้านดอลลาร์ ติดลบ 3-5% เพราะเติบโตน้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ไตรมาสสองจะเริ่มฟื้นตัวตามทิศทางเศรษฐกิจของจีน แต่ สรท.ยังมั่นใจว่าส่งออกทั้งปีจะโตได้ 1-2%" นายชัยชาญ กล่าว

โดยมีปัจจัยปัจจัยเสี่ยงที่เป็นอุปสรรคสำคัญ ได้แก่

1) ปริมาณสินค้าคงคลังของคู่ค้ายังคงทรงตัวในระดับสูง ส่งผลให้คู่ค้าชะลอคำสั่งซื้อสินค้า

2) ต้นทุนการผลิตยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะค่าไฟฟ้าที่ปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อขีดความสามารถการแข่งขันของผู้ประกอบการ และจำเป็นต้องส่งผ่านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไปยังผู้บริโภค (Consumer)

3) สถานการณ์ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในทิศทางที่แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ผู้ส่งออกสูญเสียความสามารถในการแข่งขันทางด้านราคาต่อประเทศคู่ค้าและคู่แข่งที่มีค่าเงินอ่อนกว่าไทย

4) ราคาพลังงานในตลาดโลกยังคงมีความผันผวนตามสถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศ คาดราคาจะอยู่ที่ระดับ 80-90 ดอลลาร์/บาร์เรล

"ถึงแม้จะมีปัจจัยลบหลายเรื่อง แต่เชื่อว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของจีนจะเป็นปัจจัยบวกที่ส่งผลดีมากกว่า" นายชัยชาญ กล่าว

ทั้งนี้ สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทยมีข้อเสนอแนะที่สำคัญ ประกอบด้วย

1) ด้านอัตราแลกเปลี่ยน ขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทยรักษาเสถียรภาพค่าเงินบาทไม่ให้มีความผันผวนเร็วเกินกว่าประเทศคู่ค้าสำคัญ โดยค่าเงินบาทที่เหมาะสมควรอยู่ที่ 34-35 บาท/ดอลลาร์

2) ด้านต้นทุน

2.1) ขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย ทบทวนการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และเพิ่มมาตรการช่วยเหลือ SMEs ในซัพพลายเชนการส่งออกที่อาจได้รับผลกระทบดังกล่าวควบคู่กัน

2.2) ขอให้ภาครัฐควบคุมหรือปรับขึ้นค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (FT) ในภาคการผลิตแบบค่อยเป็นค่อยไป รวมถึงพิจารณามาตรการสนับสนุน เพื่ออุดหนุนการใช้พลังงานทางเลือก เช่น มาตรการทางภาษี ลดหย่อนภาษี ในการเปลี่ยนไปใช้พลังงานทางเลือกอื่นทดแทนอาทิ พลังงานแสงอาทิตย์ (Solar), พลังงานหมุนเวียน (Renewable) และพลังงานชีวมวล (Biomass) เป็นต้น

2.3) ขอให้คณะกรรมการไตรภาคีพิจารณาการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำอย่างรอบคอบ สอดคล้องกับสภาวะทางเศรษฐกิจที่แท้จริง

3) ด้านการค้าระหว่างประเทศ เร่งผลักดันกระบวนการเจรจาเขตการค้าเสรีไทย-สหภาพยุโรปให้บรรลุผลโดยเร็ว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ