ส่งออกกุ้งไทยปี 66 แนวโน้มหดตัว หลังตลาดหลักชะลอ แม้มีแรงซื้อจากจีน

ข่าวเศรษฐกิจ Monday March 13, 2023 17:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ส่งออกกุ้งไทยปี 66 แนวโน้มหดตัว หลังตลาดหลักชะลอ แม้มีแรงซื้อจากจีน

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า มูลค่าการส่งออกกุ้งของไทยปี 2566 อาจอยู่ที่ 1.06-1.10 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรืออยู่ในกรอบ -3.5-0.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากเศรษฐกิจคู่ค้าหลักอย่าง สหรัฐฯ และญี่ปุ่น (สัดส่วนมูลค่าส่งออกราว 55% ของการส่งออกกุ้งทั้งหมดของไทยไปตลาดโลก) มีแนวโน้มชะลอตัว ส่งผลให้ความต้องการผลิตภัณฑ์กุ้งอาจปรับลดลง แม้จะมีแรงซื้อจากตลาดจีน ที่ความต้องการในประเทศคงจะเพิ่มขึ้นจากการเปิดประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มกุ้งสดแช่แย็นแช่แข็ง รวมถึงตลาดใหม่ๆ ที่ทางภาครัฐของไทยเข้าไปเจรจาการค้าในกลุ่มสินค้าเกษตรด้วย อาทิ ไต้หวัน ฮ่องกง ทำให้ผลิตภัณฑ์กุ้งของไทยมีแนวโน้มจะส่งออกไปยังตลาดดังกล่าวได้เพิ่มขึ้น

ส่งออกกุ้งไทยปี 66 แนวโน้มหดตัว หลังตลาดหลักชะลอ แม้มีแรงซื้อจากจีน

อย่างไรก็ดี ด้วยสัดส่วนมูลค่าการส่งออกไปยังตลาดใหม่ที่ยังน้อย จึงช่วยชดเชยการหดตัวของตลาดหลักได้ไม่มากนัก

สำหรับปัจจัยท้าทายที่จะกระทบกับการส่งออกกุ้งของไทย ในระยะสั้น-กลางที่สำคัญมี 2 ประเด็น คือ

1. ทิศทางความต้องการในตลาดคู่ค้าสำคัญ ซึ่งอาจจะปรับขึ้นลงตามภาวะเศรษฐกิจเป็นหลัก แต่หากวิเคราะห์ทิศทางการส่งออกกุ้งในแต่ละตลาดสำคัญ จะพบว่า

  • ตลาดสหรัฐฯ เริ่มให้ภาพที่อิ่มตัวและมีทิศทางที่ลดลง จากการถูกปรับลดสิทธิพิเศษทางภาษี และราคาส่งออกของไทยที่สูงเมื่อเทียบกับคู่แข่ง อาทิ เอกวาดอร์ เวียดนาม อินเดีย
  • ตลาดญี่ปุ่น ส่วนแบ่งตลาดไทยค่อนข้างคงที่ และมีแนวโน้มจะปรับลดลง เนื่องจากมีการแข่งขันด้านราคาสูง กับคู่แข่งรายสำคัญ อาทิ อินเดีย เวียดนาม อินโดนีเซีย และจีน ท่ามกลางกำลังซื้อภายในประเทศที่ยังคงอ่อนแรง
  • ตลาดจีน ในระยะสั้น-กลาง ยังมีความต้องการเพิ่มจากความต้องการในประเทศที่สูง ทั้งกุ้งสดแช่เย็นแช่แข็ง รวมถึงสินค้ากลุ่มใหม่อย่าง กุ้งก้ามกรามมีชีวิต (เพื่อการบริโภค) หลังจากภาครัฐของไทยได้เจรจาขอส่งออกไปจีน เพื่อใช้ในการประกอบอาหารไทยในธุรกิจ Food Service ซึ่งกำลังได้รับความนิยมในกลุ่มผู้บริโภคจีน

ส่วนในระยะยาว นโยบายลดการพึ่งพาการนำเข้าสินค้าเกษตร และแนวโน้มการผลิตกุ้งของจีนที่เติบโตต่อเนื่อง อาจส่งผลให้ความต้องการของจีนที่มีต่อกุ้งไทยปรับลดลง ท่ามกลางการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงจากคู่แข่งรายสำคัญอย่าง เอกวาดอร์ และอินเดีย

2. ความสามารถด้านการแข่งขันของไทยที่เสียเปรียบคู่แข่งใน 2 มิติสำคัญ ได้แก่

2.1 การแข่งขันด้านราคาที่รุนแรง โดยเฉพาะกับคู่แข่งสำคัญอย่าง เอกวาดอร์ อินเดีย ที่มีความได้เปรียบเรื่องปริมาณผลผลิต จากการพัฒนาเทคโนโลยีเพิ่มผลผลิต ทำให้เกิด Economy of scale และมีความได้เปรียบด้านราคา ขณะที่ไทยเผชิญกับข้อจำกัดการผลิต ทั้งจากความต้องการของคู่ค้าที่ลดลงและต้นทุนการผลิตที่สูง โดยเฉพาะค่าแรง

ดังนั้น ทำให้ปริมาณการผลิตกุ้งของไทยโตได้ในกรอบที่จำกัด เพราะเกษตรกรชะลอการเพาะเลี้ยง ซึ่งในบางปีไทยต้องนำเข้ากุ้งเข้ามาเพื่อชดเชยกับผลผลิตที่ลดลงด้วย เฉพาะช่วงเวลาและปริมาณผลผลิตภายในประเทศมีปริมาณน้อย ภายใต้เงื่อนไขที่ Shrimp Board ได้กำหนดไว้ในแต่ละปี เพื่อให้โรงงานแปรรูปมีสินค้าวัตถุดิบผลิตเพื่อส่งออก

2.2 คู่แข่งมีแต้มต่อจากมาตรการทางการค้าของคู่ค้า ได้แก่

  • ตลาดสหรัฐฯ ประเทศที่มีข้อตกลงทางการค้าเช่น แคนาดา เอกวาดอร์ พบว่า ส่วนแบ่งตลาดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ขณะที่ประเทศที่ไม่ได้รับสิทธิพิเศษทางการค้า หรือประสบกับมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด เช่น ไทย เวียดนาม พบว่า ส่วนแบ่งตลาดมีแนวโน้มปรับลดลง
  • ตลาดญี่ปุ่น คู่ค้าสำคัญในอาเซียน (รวมถึงไทย) และอินเดีย ได้รับสิทธิพิเศษจากข้อตกลงทางการค้า FTA อัตราภาษีนำเข้าจึงไม่ต่างกัน แต่จะมาแข่งขันที่ราคาส่งออก ทำให้คู่แข่งที่ทำราคาได้ต่ำมีความได้เปรียบ และมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่ม อาทิ อินเดีย
  • ตลาดจีน ความต้องการกุ้งจากเอกวาดอร์เพิ่มสูงก้าวกระโดดตั้งแต่ปี 2560 หลังจากจีนลดภาษีนำเข้ากุ้งให้กับเอกวาดอร์จาก 5% ลงมาเป็น 2% ตลอดจนแรงหนุนจากการเจรจาการค้าระหว่างรัฐในการจะเพิ่มการส่งออกกุ้งไปยังจีนให้ได้เพิ่มขึ้น

ดังนั้น ท่ามกลางจากความท้าทายต่างๆ ซึ่งยังมีประเด็นค่าเงินที่ผันผวนสูงทั้งสองทิศทางด้วยนั้น นอกจากการปรับประสิทธิภาพการผลิตเพื่อลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง ผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์กุ้งของไทยอาจพิจารณาโอกาสในตลาดศักยภาพใหม่ เพื่อกระจายความเสี่ยง อาทิ ประเทศในตะวันออกกลาง

นอกจากนี้ ภาคธุรกิจควรเตรียมการรองรับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ที่อาจกระทบต่อต้นทุนวัตถุดิบให้ปรับสูงขึ้น (กระทบการเพาะเลี้ยงและอัตราการรอด ปริมาณผลผลิตลดลง) ตลอดจนมาตรการคู่ค้าและผู้บริโภคที่ตระหนักถึงประเด็นความยั่งยืน ซึ่งจะเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายต่อการสร้างผลตอบแทนทางธุรกิจ

ทั้งนี้ การส่งออกกุ้งของไทยที่มีแนวโน้มชะลอลงในปีนี้ อาจส่งผลกดดันราคากุ้งในประเทศและกระทบรายได้สุทธิของผู้เพาะเลี้ยงกุ้ง จึงเป็นโจทย์ที่ทุกฝ่ายรวมถึง Shrimp Board คงยังจำเป็นต้องเข้ามาช่วยรักษาเสถียรภาพด้านราคาเพื่อจูงใจการผลิต ควบคู่กับการผลักดันกลไกสร้างความสามารถในการแข่งขันที่ยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมกุ้งไทย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ