ทางการอินโดนีเซียกล่าวเตือนว่า ยอดเงินอุดหนุนด้านเชื้อเพลิงมีแนวโน้มพุ่งขึ้นเหนือระดับ 200 ล้านล้านรูเปียห์ (2.174 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ)ในปีนี้ หากราคาน้ำมันยังคงทรงตัวในระดับสูง ขณะที่ทางการยังไม่ออกมาตรการควบคุมการใช้น้ำมัน
นายเปอร์โนโม ยุสจิอันโตโร่ รัฐมนตรีพลังงานและทรัพยากรธรรมชาติกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ปริมาณการใช้เชื้อเพลิงที่ได้รับเงินอุดหนุนอาจพุ่งขึ้นแตะที่ 41 ล้านกิโลลิตร หรือเพิ่มขึ้น 15.5% จากตัวเลขคาดาดการณ์ในงบประมาณของรัฐบาล ซึ่งประมาณ 60% ของเชื้อเพลิงที่มีการใช้ในอินโดนีเซียนั้น เป็นเชื้อเพลิงที่ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาล
ด้านนางศรี มัลยานี อินทราวาตี รัฐมนตรีคลังอินโดนีเซียกล่าววานนี้ว่า รัฐบาลกำลังเผชิญความท้าทายในการควบคุมปริมาณการใช้เชื้อเพลิงที่ได้รับเงินอุดหนุน หลังจากที่ตัวเลขการใช้เชื้อเพลิงที่แท้จริงพุ่งขึ้น 9.6 ล้านกิโลลิตรในไตรมาสแรก
สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า รัฐบาลได้ตั้งเพดานการจ่ายเงินช่วยเหลือด้านเชื้อเพลิงในปีนี้ไว้ที่ 126.8 ล้านล้านรูเปียห์ หลังจากที่ได้ปรับตัวเลขงบประมาณจากเดิมที่ระดับ 45.8 ล้านล้านรูเปียห์ โดยตัวเลขคาดการณ์ที่มีการปรับทบทวนนี้พิจารณาจากราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยที่ 95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และการบริโภคน้ำมันที่ 35.5 ล้านกิโลลิตร
นอกจากนี้ รัฐบาลระบุว่า ทางการมีแผนที่จะปรับลดปริมาณการใช้เชื้อเพลิงที่ได้รับเงินอุดหนุนจากบรรดาผู้ขับขี่ยานพาหนะ ซึ่งภายใต้แผนการดังกล่าวจะระบุให้เจ้าของรถใช้บัตรสมาร์ทการ์ดเพื่อบันทึกยอดการใช้เชื้อเพลิง โดยผู้บริโภคสามารถซื้อเชื้อเพลิงในราคาที่ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลซึ่งมีราคาต่ำกว่าในท้องตลาด แต่เมื่อพวกเขามียอดซื้อน้ำมันเพิ่มขึ้นจนถึงระดับที่กำหนดแล้วก็จะต้องควักกระเป๋าจ่ายค่าเชื้อเพลิงตามราคาจริง
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยังไม่ได้สรุปถึงกรอบเวลาในการบังคับใช้นโยบายควบคุมการใช้เชื้อเพลิงในขณะนี้
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--