
นายเอกพจน์ ยอดพินิจ นายกสมาคมกุ้งไทย คาดการณ์ผลผลิตกุ้งไทยในปี 67 จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.9 แสนตัน จากปี 66 คาดว่าปริมาณผลผลิตกุ้งจะอยู่ที่ 2.8 แสนตันเท่ากับปีก่อน ขณะที่เชื่อว่าในปี 67 ราคากุ้งจะปรับตัวดีขึ้นประมาณ 20% เนื่องจากตลาดสหรัฐฯ เป็นบวก โดยตลาดสหรัฐฯ มีสัญญาณดีขึ้น จากการฟ้องร้องเรื่องมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (AD/CVD) ประเทศผู้ผลิตรายใหญ่ ทำให้ผู้นำเข้าเริ่มสั่งซื้อกุ้งจากไทย
ขณะที่ผลผลิตกุ้งทั่วโลก คาดว่า ในปี 66 จะอยู่ที่ประมาณ 5.07 ล้านตัน ลดลง 1% โดยประเทศจีน สามารถผลิตกุ้งได้เพิ่มขึ้นมาก ส่วนเอกวาดอร์ เพิ่มขึ้นเล็กน้อยต่ำกว่าที่คาด ในขณะที่ประเทศทางเอเชีย ได้แก่ เวียดนาม อินเดีย อินโดนีเซีย ผลผลิตกุ้งลดลงทุกประเทศ ส่วนปี 67 คาดผลผลิตกุ้งโลกจะลดลงราว 2%

ส่วนการส่งออกกุ้งของไทยล่าสุดช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ต.ค. 66) มีปริมาณอยู่ที่ 109,663 ตัน มูลค่า 36,284 ล้านบาท ซึ่งหากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่ส่งออกได้ปริมาณ 120,310 ตัน มูลค่า 42,341 ล้านบาท ปริมาณส่งออกลดลงจากปีก่อน 9% และมูลค่าลดลงจากปีก่อน 14%
ในปี 66 ไทยมีตลาดส่งออกกุ้งที่กระจายตัวมากขึ้น โดยมีถึง 3 ตลาดหลัก ได้แก่ ญี่ปุ่น สหรัฐฯ และจีน ตามลำดับ เฉลี่ยประเทศละประมาณ 20% นอกจากนี้ ยังเริ่มเห็นตลาดอาเซียนมาเป็นอันดับ 4 ด้วย จากในอดีตที่ไทยส่งออกไปตลาดสหรัฐฯ ในสัดส่วนที่มากถึง 70%
สำหรับในปี 66 ประเทศไทยและทั่วโลกเจอ Perfect Strom ในอุตสาหกรรมกุ้ง ได้แก่ 1. ผลผลิตมากเกินไป (Over supply) 2. ต้นทุนการผลิตสูง 3. ราคากุ้งตกต่ำ และ 4. โรคกุ้ง ส่งผลทำให้ราคากุ้งในปี 66 ลดลงจากปี 65 กว่า 20-30%
ทั้งนี้ มีข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลในการแก้ปัญหาเรื่องกุ้ง ดังนี้
1. โรคกุ้ง: ตั้ง "คณะทำงานเพื่อวิจัยและแก้ปัญหาโรคกุ้ง" และ "หน่วยงานติดตามตรวจสอบ และควบคุมโรค" เพื่อติดตามสถานการณ์ และออกมาตรการเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคอย่างรวดเร็ว
2. ศูนย์จุลินทรีย์: ตั้งศูนย์ปฏิบัติการด้านจุลินทรีย์ที่ใช้ในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ในศูนย์ประมง เพื่อวิจัย/คัดเลือกสายพันธุ์จุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับการเพาะเลี้ยงกุ้ง ผลิต/จำหน่าย และฝึกอบรมการใช้จุลินทรีย์อย่างถูกต้อง
3. การตลาด: ส่งเสริมการตลาดในประเทศ และต่างประเทศ พัฒนาระบบโลจิสติกส์ เพื่อกระจายสินค้า จัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาด เร่งเจรจาจัดทำข้อตกลงการค้าเสรี (FTA)
"ในปี 54 ไทยส่งออกกุ้งไปยุโรปถึง 60,000 ตัน แต่ล่าสุดปี 66 เหลือเพียง 957 ตัน เท่านั้น และมีแนวโน้มลดลงต่อเรื่อยๆ จึงขอเรียกร้องให้รัฐปลด GHP (Good Hygiene Practices) และเร่งทำ FTA เพื่อให้ไทยส่งออกกุ้งไปยุโรปได้มากขึ้น" นายเอกพจน์ กล่าว4. ความสามารถในการแข่งขัน: เพิ่มผลิตภาพการผลิต (Productivity) ลดต้นทุนการเลี้ยง ภาษีนำเข้าวัตถุดิบ และค่าพลังงาน สนับสนุนฟาร์มกุ้งให้ได้รับการรับรองมาตรฐานตามข้อกำหนดของผู้นำเข้า เช่น BAP/ASC
นายเอกพจน์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้มีการยื่นหนังสือต่อสภาหอการค้าไทย เพื่อให้ส่งต่อไปยังรัฐบาล ถึงแนวทางในการแก้ปัญหาเรื่องกุ้ง โดยเฉพาะเรื่องโรคกุ้ง ที่ทำให้ผลผลิตกุ้งไม่เพิ่มมาตลอด 10 ปี ซึ่งอยากให้รัฐบาลยกเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อให้อุตสาหกรรมกุ้งสามารถกลับมาผลิตกุ้งได้มากขึ้น
"เกษตรกรจำเป็นต้องปรับตัวด้วยการลดต้นทุนให้ได้ ทั้งต้นทุนทางตรง และต้นทุนแฝงที่เกิดจากความเสียหายจากโรค ต้องเพิ่มผลิตภาพการผลิต เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ รวมถึงสร้างตลาดภายในให้เข้มแข็ง เพื่อเตรียมรับผลกระทบจากราคากุ้งปีหน้า โดยภาครัฐและเอกชน ต้องร่วมมือกันอย่างจริงจังในการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ เพื่อกระจายสินค้าที่คงคุณภาพความสดของกุ้งไทยไปถึงผู้บริโภค" นายเอกพจน์ กล่าวด้านนายบรรจง นิสภวาณิชย์ ที่ปรึกษาสมาคม และประธานสมาพันธ์การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำไทย กล่าวถึงปริมาณผลผลิตที่ทรงตัวในปีนี้ สาเหตุหลักเพราะปัญหาโรคกุ้งยังไม่สามารถแก้ไขได้อย่างเด็ดขาด ราคากุ้งตกต่ำ ขณะต้นทุนการผลิต วัตถุดิบต่างๆ และราคาพลังงานสูงขึ้น เกษตรกรบางรายสามารถปรับตัว โดยพยายามเลี้ยงกุ้งไซส์ใหญ่ขึ้นเพื่อหนีราคา แต่บางรายก็ชะลอการลงกุ้ง ซึ่งคาดว่าสถานการณ์จะยังคงเป็นอย่างนี้ต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า
ผลผลิตกุ้งในพื้นที่ภาคตะวันออก มีประมาณ 69,900 ตัน เท่ากับปีที่ผ่านมา จากปัญหาโรคตัวแรงดวงขาว ขี้ขาว และหัวเหลือง เกษตรกรต้องจับกุ้งก่อนกำหนด ทำให้ผลผลิตต่อไร่ต่ำ รวมถึงปัญหาราคากุ้งตกต่ำ ทำให้เกษตรกรชะลอการเลี้ยง หรือปล่อยกุ้งลดลง
ผลผลิตภาคกลาง ประมาณ 34,200 ตัน เพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา จากปัญหาราคากุ้งตกต่ำ ทำให้เกษตรกรบางส่วนยืดเวลาการเลี้ยงเพื่อให้ได้กุ้งไซส์ใหญ่ อย่างไรก็ตาม ปัญหาสภาพอากาศแปรปรวนทำให้กุ้งโตช้า และมีความเสียหายจากโรคระบาด
ผลผลิตกุ้งพื้นที่ภาคใต้ตอนบน ประมาณ 93,000 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 4% และจากปัญหาราคากุ้งตกต่ำ ทำให้เกษตรกรพยายามเลี้ยงกุ้งขาวให้ได้ขนาดใหญ่ เกษตรกรบางส่วนหันไปเลี้ยงกุ้งกุลาดำเนื่องจากราคาดีทั้งปี
ผลผลิตกุ้งภาคใต้ตอนล่างฝั่งอ่าวไทย 28,100 ตัน ลดลง 4% ผู้เลี้ยงประสบปัญหาราคากุ้งตกต่ำ โรคระบาด และสภาพอากาศแปรปรวน เกษตรกรลดความหนาแน่นลงเพื่อเลี้ยงกุ้งไซส์ใหญ่ ช่วงปลายปีฝนที่ตกหนักส่งผลให้น้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติ มีความเค็มต่ำ เกษตรกรทยอยจับกุ้งแล้วพักบ่อเพื่อเตรียมเลี้ยงครอปต่อไปในปีหน้า