"พีระพันธุ์" กางแผนปี 67 รื้อโครงสร้างพลังงาน เดินหน้าลดราคาน้ำมัน-ก๊าซ-ไฟฟ้า

ข่าวเศรษฐกิจ Friday January 12, 2024 16:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานที่สำคัญในปี 67 ภายใต้หัวข้อ "ปีแห่งการขับเคลื่อนพลังงานไทย สู่อนาคตที่ดีกว่า" ว่า ในปี 67 ได้เตรียมนโยบายสำคัญๆ โดยเฉพาะการ "รื้อ ลด ปลด สร้าง" เพื่อจะปรับโครงสร้างราคาพลังงานทั้งระบบ

ในส่วนราคาน้ำมัน หากดูโครงสร้างราคาน้ำมันจะมีส่วนของราคาหน้าโรงกลั่น และภาษีหลายตัว ดังนั้นคงต้องใช้กลไกของภาครัฐเป็นหลักในการควบคุมราคาน้ำมัน ขณะที่ในส่วนราคาขายปลีกดีเซลนั้น จะพยามรักษาราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงพลังงานได้หารือกับทางกระทรวงการคลังแล้ว เพื่อใช้มาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน คาดว่าจะเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในสัปดาห์หน้า

สำหรับมาตรการดูแลราคากลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์นั้น จะสิ้นสุดมาตรการ 31 มกราคม 2567 ปัจจุบันอยู่ระหว่างพิจารณา เนื่องจากขณะนี้ราคาเบนซินปรับลดลงมาอยู่ที่ 34 บาทต่อลิตร นับว่าเป็นราคาที่ไม่สูงมากนัก ดังนั้นต้องมีการหารือกันว่าจะช่วยต่อไปหรือไม่ เนื่องจากต้องดูฐานะการคลังและฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงด้วย

สำหรับการดูแลค่าไฟฟ้า กระทรวงฯ จะดูความต้องการใช้ไฟฟ้าในปัจจุบันใหม่ เนื่องจากช่วงพีคไฟฟ้า ปรับเปลี่ยนช่วงกลางคืน หรือประมาณ 30,000 เมกะวัตต์ เพราะจำนวนรถยนต์ EV เพิ่มขึ้น

ขณะเดียวกันกระทรวงพลังงาน หารือกับกรมสรรพากร ศึกษาให้ผู้ประกอบการหรือประชาชน นำค่าใช้จ่ายจากการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป มาหักลดหย่อนภาษีประจำปี ได้ไม่เกิน 2 แสนบาท ขนาด 10 กิโลวัตต์ โดยมีระยะเวลา 3 ปี หลังจากมีบังคับใช้ เพื่อจะสนับสนุนคนติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปปีละ 90,000 ครัวเรือน คาดว่าจะได้รายละเอียดเร็วๆนี้

"มาตรการไหนที่ทำได้ ผมก็จะทำทันที เช่น การลดค่าไฟฟ้า ลดค่าน้ำมัน ก๊าซหุงต้ม ในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา ส่วนมาตรการไหนที่ต้องใช้เวลา อย่างการแก้ไขกฎหมายกฎระเบียบต่างๆ ก็จะดำเนินการให้เร็วที่สุด อย่างในปัจจุบันเตรียมยกร่างกฎหมายที่เกี่ยวกับน้ำมันสำหรับเกษตรกรและกลุ่มประมงให้ได้ภายในสมัยประชุมสภาที่จะถึงนี้ รวมทั้งการปรับโครงสร้างราคาพลังงานที่ผมย้ำเสมอ จะเร่งดำเนินการในปีนี้ เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนได้อย่างครอบคลุมทุกภาคส่วน โดยในส่วนของโซลาร์เซลล์ก็จะเร่งดำเนินการให้เร็วขึ้น รวมทั้งจะเข้าไปดูแลการผลิตไฟฟ้าให้สอดคล้องและรองรับปริมาณของรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้น" นายพีระพันธุ์ กล่าว

สำหรับการดำเนินการในช่วงปี 66 ที่ผานมา เป็นช่วงคาบเกี่ยวของ 2 รัฐบาล แต่ทั้ง 2 รัฐบาลได้ช่วยเหลือประชาชนโดยการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานอย่างต่อเนื่อง ทั้งค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมัน ค่าก๊าซหุงต้ม รวมทั้งการกำชับการบริหารจัดการแหล่งก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย ให้สามารถดำเนินการได้ตามแผนการผลิต นอกจากนั้น ก็ได้มีการบริหารให้โรงแยกก๊าซธรรมชาติใช้ก๊าซในราคา Pool Gas (ราคาเฉลี่ยจากทุกแหล่งที่มา) ซึ่งได้ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าสามารถลดลงได้

*เปิดยื่นขอสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมปลงสำรวจบนบก

ในปี 2567 กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติยังคงมุ่งมั่นในการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานด้วยการเร่งรัดการลงทุนและให้มีการผลิตก๊าซธรรมชาติอย่างต่อเนื่องของแหล่งในประทศ รวมทั้งส่งเสริมและประสานความร่วมมือในการจัดหาก๊าซธรรมชาติจากประเทศเพื่อนบ้าน และเพื่อให้ประเทศสามารถพึ่งพาตนเองด้านพลังงานได้อย่างยั่งยืน รวมทั้งยังได้เตรียมการเปิดให้ยื่นขอสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียม สำหรับแปลงสำรวจบนบก (ครั้งที่ 25) ด้วย

*เตรียมแผนส่งเสริมลงทุนในธุรกิจใหม่

ปี 2567 มีแผนจัดทำมาตรฐานติดตั้งทางไฟฟ้าและกำหนดกรอบการให้บริการติดตั้ง EV Charging Station รวมถึงการลงนาม MOU ระหว่าง 5 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเตรียมแผนลดชนิดหัวจ่ายน้ำมันกลุ่มดีเซล ให้เหลือน้ำมันดีเซลหมุนเร็วเกรดพื้นฐานชนิดเดียว (บี 7) เนื่องจากเป็นน้ำมันที่สามารถใช้กับรถยนต์มาตรฐานยูโร 5 ได้ทุกรุ่นทุกยี่ห้อ และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี20 (น้ำมันทางเลือก) เริ่ม 1 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป

นอกจากนี้ ยังได้มีการพัฒนาระบบ e-Service เพื่อยกระดับการให้บริการประชาชน มีการพัฒนาระบบ Stockpile และ e-Fuelcard และปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบ e-Safety e-Trade และ e-License และระบบสำรองข้อมูลเพื่อรองรับการดำเนินงานในรูปแบบ e-Service

รวมทั้ง มีแผนส่งเสริมการลงทุนในธุรกิจใหม่ (New Business) ของผู้ประกอบการในห่วงโซ่อุปทานน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านพลังงานที่มุ่งไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนของประเทศ

*เดินหน้าส่งเสริมพลังงานสะอาด

ในปี 2567 กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ยังคงเดินหน้าส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชน ผู้ประกอบการ ได้เข้าถึงพลังงานสะอาดและใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพแบบครบวงจรมากขึ้น อาทิ มาตรการทางภาษีเพื่อส่งเสริมการผลิตการใช้พลังงานทดแทนและอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง มาตรการบริษัทจัดการพลังงาน (ESCO) สำหรับหน่วยงานภาครัฐ และส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคาสำหรับหน่วยงานรัฐ เป็นต้น

*ทบทวนร่างแผนพลังงานชาติ

ในปี 2567 สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานจะมีการทบทวนและปรับปรุงแผน ร่างแผนพลังงานชาติเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน และเสนอร่างแผนฯ ต่อ คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) และ ครม. เพื่อพิจารณาและประกาศใช้ต่อไป นอกจากนี้แผนงานในปี 2567 ของ สนพ. ยังมีเรื่อง การนำเสนอแนวทางการเปิดเสรีในกิจการไฟฟ้า ซึ่งจะมีโครงสร้างกิจการไฟฟ้าเพื่อส่งเสริมการแข่งขันในระยะทดลอง-นำร่อง พ.ศ. 2567 ? 2568 เพื่อกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น ส่งเสริมให้เกิดกลไกการแข่งขันที่สะท้อนต้นทุนทางด้านราคาแทนการอุดหนุนทางด้านราคา และเปิดโอกาสให้มีธุรกิจใหม่ทางด้านพลังงานเกิดขึ้น และภาครัฐสามารถใช้เป็นกลไกให้บรรลุเป้าหมาย Net Zero Carbon Emission ได้อย่างมีประสิทธิภาพได้อีกด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ