Xendit สตาร์ทอัพยูนิคอร์นจากอินโดฯบุกตลาดไทยเปิดให้บริการโซลูชันชำระเงินดิจิทัลครบวงจร

ข่าวเศรษฐกิจ Monday March 11, 2024 18:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

Xendit สตาร์ทอัพยูนิคอร์นจากอินโดฯบุกตลาดไทยเปิดให้บริการโซลูชันชำระเงินดิจิทัลครบวงจร

Xendit สตาร์ทอัพยูนิคอร์นสัญชาติอินโดนีเซียขยายธุรกิจเข้าสู่ประเทศไทยเปิดให้บริการโซลูชันทางการเงินดิจิทัลแก่กลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย ตั้งแต่ SMEs รายย่อยไปจนถึงบริษัทขนาดใหญ่ระดับภูมิภาค ด้วยพันธกิจ "Making Payments Simple" ช่วยให้การชำระเงินเป็นเรื่องง่าย สะดวกสบายยิ่งขึ้น ด้วยความมุ่งมั่นในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินที่ดีที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEA)

นายโมเสส โล ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Xendit กล่าวว่า Xendit พร้อมกับการขยายธุรกิจในประเทศไทยครั้งนี้ ซึ่งเป็นประเทศที่ 4 โดยร่วมผลักดันการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ พร้อมยกระดับศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลและพัฒนาเทคโนโลยีการเงินในประเทศไทยต่อไปอย่างยั่งยืน

Xendit สตาร์ทอัพยูนิคอร์นจากอินโดฯบุกตลาดไทยเปิดให้บริการโซลูชันชำระเงินดิจิทัลครบวงจร

จุดเด่นของ Xendit คือ ความง่ายในการเชื่อมต่อระบบ ซึ่ง Xendit มีเครือข่ายที่สามารถเชื่อมต่อกับผู้นำเทคโนโลยีเจ้าใหญ่ในตลาดได้ สามารถทำให้การทำงานของระบบรวดเร็ว และส่งผลให้การทำธุรกรรมทางการเงินเกิดความรวดเร็วตามไปด้วย พร้อมกับความรวดเร็วในการให้บริการของเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงาน และพัฒนาระบบอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ของทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญสามารถนำสิ่งประสบความสำเร็จจากประเทศอื่นมาต่อยอดการให้บริการในประเทศไทย ซึ่งในปีแรกของการให้บริการคาดหวังมีจำนวน Transactions รวมกว่า 20,000 Transactions/วัน ส่วนการขยายไปประเทศอื่นมองว่าเวียดนามเป็นอีกหนึ่งประเทศที่สนใจในการขยายการให้บริการออกไปเพิ่มเติม

สำหรับประเทศไทยถือเป็นประเทศที่มีการใช้บริการทางการเงินผ่านระบบดิจิทัลที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากผู้ให้บริการที่เป็นสถาบันการเงินในไทยที่ร่วมกันพัฒนาระบบการชำระเงินผ่านดิจิทัลที่สะดวก รวดเร็ว และมีต้นทุนที่ต่ำ รวมถึงความร่วมมือจากภาครัฐที่ช่วยกันผลักดันให้ระบบการชำระเงินผ่านดิจิทัลของไทยสามารถออกมาเห็นผลลัพท์อย่างเป็นรูปธรรมได้ รวมทั้งมีผู้ให้บริการ Fintech หลายรายที่เข้ามาร่วมกันพัฒนาโซลูชั่นและเทคโนโลยีใหม่ๆให้กับระบบ Fintech ในประเทศไทย ซึ่งเป็นเครื่อมือในการช่วยลดต้นทุนในการธุรกรรมการเงิน

นอกจากนี้ยังมองถึงโอกาสในการร่วมเป็นพันธมิตรในการเชื่อมต่อนะบบของ virtual bank ที่กำลังจะเกิดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งจำเป็นต้องใช้ศักยภาพของ Fintech ในการทำงานของระบบทางการเงินซึ่งมีประสิทธิภาพ โดยที่บริษัทมีการเปิดกว้างพันธมิตรที่ทำ virtual bank เข้ามาร่วมในการใช้บริการของ Xendit

"Xendit เป็นบริษัทเทคโนโลยีด้านการเงินที่มีรากฐานแข็งแกร่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งให้บริการโซลูชันทางการเงินแก่ธุรกิจต่างๆ ตั้งแต่ SMEs ขนาดเล็กไปจนถึงบริษัทขนาดใหญ่ เพื่อช่วยให้ขั้นตอนในการชำระเงินสะดวกสบายยิ่งขึ้น โดยเป็นผู้จัดหาระบบพื้นฐานทางการชำระเงินที่ปลอดภัยและง่ายต่อการทำงานร่วมกันกับลูกค้า พร้อมทั้งมีทีมงานมืออาชีพที่คอยดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิดเพื่อให้ได้รับบริการที่ดีที่สุด ภายหลังจากการเปิดตัวครั้งแรกในปี 2015 Xendit ได้รับความเชื่อมั่นจากธุรกิจต่างๆ ในอินโดนีเซียและรัฐบาล โดยได้เป็นผู้ดูแลโซลูชันทางการเงินให้แก่บริษัทชั้นนำอย่าง Traveloka, Garuda Indonesia และ Tech In Asia เป็นต้น "

จากความสำเร็จที่น่าประทับใจในอินโดนีเซีย Xendit ต่อยอดขยายธุรกิจเข้าไปยังประเทศฟิลิปปินส์และมาเลเซีย ซึ่งได้มีปรับกลยุทธ์การให้บริการตามพื้นที่และความต้องการของธุรกิจในประเทศนั้นๆ เพื่อช่วยผลักดันให้ธุรกิจมีการขยายตัวและเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยคำนึงถึงความต้องการของผู้ใช้งานที่แตกต่างกันไปตามแต่ละพื้นที่ สำหรับปี 2024 นี้ Xendit มีความพร้อมที่จะเป็นผู้ให้บริการพื้นฐานการชำระเงินในระดับภูมิภาค ภายใต้พันธกิจ "Making Payments Simple" ช่วยเพิ่มโอกาสให้ธุรกิจต่างๆ ในประเทศไทยได้ขยายความสามารถในการทำธุรกรรมดิจิทัลในระดับภูมิภาคไปทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพียงเชื่อมต่อกับระบบที่ทันสมัยของ Xendit

"การขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดใหม่ ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเพิ่มฐานลูกค้าใหม่เท่านั้น แต่เรายังเชื่อมั่นในการทำให้ธุรกิจมีพลัง ด้วยเครื่องมือที่พวกเขาต้องการเพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ สำหรับ Xendit เป้าหมายของเราคือการสร้างโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินดิจิทัลที่ดีที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และช่วยทำให้กระบวนการชำระเงินเป็นเรื่องง่าย สะดวก และรวดเร็ว สำหรับการขยายตลาดเข้าสู่ประเทศไทยในครั้งนี้ เรากำลังเดินหน้าเข้าสู่ก้าวต่อไป เพื่อทำให้วิสัยทัศน์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริงได้กับทุกๆ คนในอุตสาหกรรมนี้" นายโมเสส กล่าว

ด้าน นางสาวเทสซ่า วิจายะ ผู้ร่วมก่อตั้งและกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ Xendit กล่าวว่า ปัจจุบัน Xendit ให้บริการแก่ลูกค้ามากกว่า 6,000 รายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยการทำธุรกรรมมากกว่า 320 ล้านครั้งต่อปี ผ่านการให้บริการรับชำระเงิน การโอนเงินข้ามประเทศ การดำเนินธุรกิจและการจัดการร้านค้า พร้อมด้วยบริการด้านการเงินดิจิทัลอื่นๆ อีกมากมาย โดยมีลูกค้าครอบคลุมทั้ง SME รายย่อย สตาร์ทอัพด้านอีคอมเมิร์ซ และบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ โดย Xendit มีแผนที่จะพัฒนาการให้บริการด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย พร้อมการบริการที่เต็มไปด้วยความคุ้มค่าและสามารถเข้าถึงลูกค้าทุกกลุ่ม ด้วยจุดเด่นด้านบริการ ดังนี้

Simple ให้บริการระบบชำระเงินที่ปลอดภัยและง่ายต่อการทำงานร่วมกัน

Speed การตรวจสอบและการเชื่อมต่อที่รวดเร็ว ทันใจ

Service พร้อมดูแลตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยมาตรฐานการดูแลระดับโลก

Xendit มีเป้าหมายที่จะมองหาและแก้ไขระบบการรับชำระเงินให้ตรงตามความต้องการของแต่ละบริษัท และพร้อมที่จะสร้างโซลูชันที่เหมาะสมกับตลาดการชำระเงินดิจิทัลในประเทศไทย โดยมีกลุ่มเป้าหมายตั้งแต่ร้านค้าทุกขนาด สตาร์ทอัพที่มีฝันที่จะขยายธุรกิจไปสู่ระดับภูมิภาค ไปจนถึงบริษัทใหญ่ในภูมิภาค

"เราเชื่อมั่นในการก้าวข้ามขีดจำกัดและพร้อมจะช่วยทำให้ธุรกิจในแต่ละประเทศมีพลังในการเติบโตมากยิ่งขึ้น จากการเชื่อมต่อระดับโลกและการทำธุรกรรมดิจิทัลแบบไร้รอยต่อ ด้วยความเชี่ยวชาญที่เน้นการเข้าถึงในระดับท้องถิ่นและการมีมาตรฐานที่ดีที่สุดระดับโลกของเรา เราหวังว่าการนำเสนอโซลูชันทางการชำระเงินแบบดิจิทัลที่เป็นนวัตกรรมของเราเข้าสู่ประเทศไทยในครั้งนี้ จะช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจและสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีให้แก่อุตสาหกรรมดิจิทัลไทยได้อย่างแน่นอน" นางสาวเทเรเซีย แซนดร้า วิจายะ กล่าว

ทั้งนี้ Xendit เป็นผู้ให้บริการระบบการชำระเงินแบบไร้รอยต่อและง่ายต่อการใช้งานระดับภูมิภาคที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนในระดับท้องถิ่น สำหรับการขยายธุรกิจในประเทศไทยครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินชาวไทยอย่าง นายกรณ์ จาติกวณิช ที่เข้ามาร่วมพัฒนาธุรกิจในฐานะที่ปรึกษาและเป็น Chairman ของบริษัทฯ

"การชำระเงินเป็นฟันเฟืองที่สำคัญอย่างยิ่งในกลไกทางเศรษฐกิจโดยรวมในยุคดิจิทัลนี้ ระบบการชำระเงินที่แข็งแกร่งระดับโลกถือเป็นสิ่งสำคัญต่อความสำเร็จ โดนที่ Xendit จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับสถาบันการเงินของไทย ตลอดจนร่วมงานโดยตรงกับธุรกิจในท้องถิ่นเพื่อส่งมอบบริการและเทคโนโลยีระดับโลก เราจะร่วมมือกับหน่วยงานกำกับดูแลเพื่อให้เกิดความโปร่งใสและธรรมาภิบาลในทุกกิจกรรมของเรา" นายกรณ์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ