ยอดขายรถปีนี้หดตัวต่อเนื่อง แม้ค่ายรถใช้สงครามราคาแย่งกำลังซื้อ

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday March 21, 2024 16:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ยอดขายรถปีนี้หดตัวต่อเนื่อง แม้ค่ายรถใช้สงครามราคาแย่งกำลังซื้อ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดยอดขายรถยนต์ในประเทศปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 750,000 คัน หดตัวต่อจากปีก่อน 3% (YoY) แม้ค่ายรถส่วนใหญ่จะใช้กลยุทธ์ราคาเพื่อเพิ่มยอดขายและส่วนแบ่งการตลาดตั้งแต่ต้นปี โดยเฉพาะกลุ่มที่ยอดขายหดตัวลงมากในปีที่แล้ว และกลุ่มรถยนต์ BEV ที่ต้องการช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาด แต่กลยุทธ์การลดราคาอาจทำได้เพียงช่วยพยุงตลาดรถไม่ให้หดตัวลงไปมาก เพราะราคารถยนต์เป็นเพียงปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่อการตัดสินใจของผู้ซื้อ แต่สุดท้ายแล้วผู้ซื้อจะพิจารณาประเด็นอื่นด้วย เช่น ความน่าเชื่อถือในคุณภาพ ความยากง่ายในการหาอะไหล่ทดแทน หรือราคาขายต่อ เป็นต้น

ยอดขายรถปีนี้หดตัวต่อเนื่อง แม้ค่ายรถใช้สงครามราคาแย่งกำลังซื้อ

ทั้งนี้ หากแยกประเภทรถยนต์ คาดว่า รถยนต์นั่งมีโอกาสขยายตัวเล็กน้อยที่ 1% (YoY) ซึ่งเป็นผลจากแรงหนุนของราคาที่ปรับลดลงพอสมควรในรถยนต์หลายรุ่น ขณะที่ หากพิจารณาเฉพาะรถยนต์นั่งใช้น้ำมันอาจหดตัวลึกประมาณ 13% (YoY) เพราะมีรถยนต์นั่ง BEV ที่คาดว่าจะขยายตัวสูงถึง 63% (YoY) มาชิงส่วนแบ่งตลาดไป สำหรับรถเพื่อการพาณิชย์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรถปิกอัพมีการปรับลดราคาลงไม่มาก ทำให้แรงกระตุ้นตลาดมีน้อยกว่า จึงคาดว่ากลุ่มรถเพื่อการพาณิชย์อาจยังหดตัวที่ประมาณ 8% (YoY)

สำหรับในปี 2567 ค่ายรถในไทยต่างต้องเผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยหลัก 2 ด้าน ซึ่งนำมาสู่การปรับใช้กลยุทธ์ด้านราคาเพื่อแข่งขันกันมากขึ้นตั้งแต่ต้นปี ได้แก่

1.ภาวะอ่อนแรงของตลาดรถยนต์ในประเทศจากปัญหาเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวดีนัก ทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคยังคงอ่อนแอ ขณะที่หนี้ครัวเรือนก็ยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งกระทบมากที่สุดกับประเภทรถที่ผู้ซื้อหลักมีรายได้ไม่แน่นอน

2.การแข่งขันที่สูงขึ้นมาก ทั้งจำนวนค่ายรถและรุ่นรถในตลาดที่เข้ามาชิงพื้นที่ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะค่ายใหม่ๆ จากจีนที่เข้ามาแข่งขันในตลาดรถยนต์นั่งอย่างรวดเร็ว นำโดยรถยนต์ BEV และในอนาคตอันใกล้มีโอกาสขยับมาแข่งขันในตลาดรถกลุ่มอื่นด้วย

อย่างไรก็ดี การปรับใช้กลยุทธ์ด้านราคาของค่ายรถจะมีความแตกต่างกันไปตามความนิยมและยอดขาย ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่

  • กลุ่มค่ายรถใช้น้ำมันที่ยอดขายตกลงมากในปีที่แล้วจะใช้กลยุทธ์การปรับลดราคาลง โดยเป้าหมายคือเพื่อพยุงยอดขายที่ถูกกระทบทั้งจากปัญหาทางเศรษฐกิจและการบุกตลาดของ BEV
  • กลุ่มค่ายรถใช้น้ำมันที่ยังพอทำยอดขายได้ในปีที่แล้ว จะยังเน้นการคงราคาเพื่อรักษาแบรนด์อิมเมจแล้วหันใช้กลยุทธ์อื่นเพื่อรักษาฐานลูกค้าแทน เช่น การใส่ออปชั่นเพิ่มให้รถรุ่นใหม่ๆ ที่ออกมา หรือการมอบโปรโมชั่นที่ดึงดูดใจ
  • กลุ่มค่ายรถ BEV ที่พยายามเร่งชิงส่วนแบ่งการตลาดให้มากขึ้น มีการใช้กลยุทธ์ราคาเช่นกัน เพื่อดึงดูดผู้ซื้อในช่วงที่ความเชื่อมั่นต่อ BEV ยังไม่คงที่

นอกจากนี้ระดับในการปรับลดราคาแล้วยังขึ้นอยู่กับระดับการแข่งขันของรถยนต์แต่ละประเภทด้วย

  • รถยนต์นั่งกลุ่มรถอีโคคาร์และรถอเนกประสงค์ขนาดเล็ก ทำกลยุทธ์ปรับลดราคามากกว่ารถกลุ่มอื่น เนื่องจากเป็นประเภทรถที่มีการแข่งขันในตลาดสูงมาก ทั้งจำนวนค่ายรถและจำนวนรุ่นที่ทำตลาด ประกอบกับเป็นประเภทรถที่เน้นจับตลาดกลุ่มผู้มีรายได้ระดับปานกลางซึ่งได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจด้วย ทำให้ค่ายรถส่วนใหญ่ในกลุ่มนี้มีการปรับลดราคาลงพอสมควร โดยจะเห็นว่ามีการปรับราคาลดลงมากสุดถึง 19%
  • รถยนต์นั่งกลุ่มอื่นที่มีการแข่งขันไม่สูงเท่า ไม่มีการปรับลดราคาหรือถ้าปรับลดราคาลงก็จะเป็นแค่บางรุ่นในบางค่ายเท่านั้น เนื่องจากรถยนต์กลุ่มนี้ส่วนใหญ่เน้นผู้ซื้อที่มีสถานะทางการเงินดีและไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจ เห็นได้จากการตั้งราคาในระดับสูง
  • รถปิกอัพ แม้ยอดขายจะหดตัวสูงในปีที่แล้วแต่เลือกปรับราคาลงเพียงเล็กน้อย เนื่องจากมีการแข่งขันต่ำกว่ากลุ่มอื่นๆ โดยเฉพาะยังไม่มีรถยนต์ BEV มาเป็นคู่แข่ง จึงทำให้ค่ายรถเลือกลดราคาลงเล็กน้อยเพื่อพยุงยอดขาย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ