รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจในหมู่พนักงานที่ทำงานที่มีความอ่อนไหวต่อสภาพเศรษฐกิจปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือนในนเดือนเม.ย. 2551 หลังจากที่สินค้าผู้บริโภคมีราคาสูงขึ้นจนทำให้การบริโภคซบเซา โดยดัชนีดังกล่าวอยู่ที่ระดับ 35.5% หรือลดลง 1.4 จุดจากเดือนมี.ค. และยังอยู่ต่ำกว่าระดับ 50% ซึ่งเป็นเส้นแบ่งระหว่างภาวะขยายตัวและภาวะซบเซา เป็นเดือนที่ 13 ติดต่อกัน "ประชาชนทั่วประเทศต่างแสดงความวิตกเกี่ยวกับราคาสินค้าที่สูงขึ้น" รัฐบาลกล่าวถึงสินค้าหลายอย่างที่มีราคาสูงขึ้น อาทิ เบียร์ ซอสถั่วเหลือง แป้ง และ นม ดัชนีดังกล่าวได้จากการสำรวจความคิดเห็นของบุคคลจากหลายอาชีพ อาทิ คนขับรถแท็กซี่ พนักงานโรงแรม พนักงานในห้างสรรพสินค้า โดยมีการสอบถามว่าสภาพเศรษฐกิจตอนนี้ดีขึ้นหรือแย่ลงเมื่อเทียบกับเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว ผลปรากฏว่าผู้ตอบแบบสอบถามส่วนมากเห็นว่าสภาพเศรษฐกิจยังทรงตัว ในขณะเดียวกัน ดัชนีการใช้จ่ายภาคครัวเรือนปรับตัวลดลง 1.8 จุด เหลือ 35.6% ส่วนดัชนีกิจกรรมภาคองค์กรลดลง 0.1 จุด เหลือ 35.9% ในขณะที่ดัชนีการจ้างงานลดลง 1.9 จุด เหลือ 33.6% ดัชนีโดยรวมซึ่งบ่งชี้ทิศทางของเศรษฐกิจตลอด 2-3 เดือนที่ผ่านมาลดลง 2.1 จุด เหลือ 36.1% นับเป็นสถิติที่ลดลงเดือนที่ 2 ติดต่อกันแล้ว ในอนาคตคาดการณ์ว่า ดัชนีการใช้จ่ายภาคครัวเรือนจะร่วงลง 2.5 จุด เหลือ 36.3% ส่วนดัชนีค้าปลีกจะลดลง 2.1 จุด เหลือ 35.5% และดัชนีภาคการบริการจะลดลง 4.3 จุด เหลือ 38.9% ส่วนดัชนีการจ้างงานจะลดลง 4.6 จุด เหลือ 34.4% ในขณะที่ดัชนีกิจกรรมภาคองค์กรจะขยายตัว 0.3 จุด เป็น 36.4% ทั้งนี้ ผลสำรวจดังกล่าวได้จากการสำรวจความคิดเห็นของพนักงาน 2,050 คนทั่วประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่วันที่ 25-30 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยมีผู้ให้ความร่วมมือ 90.6% จากทั้งหมด สำนักข่าวเกียวโดรายงาน