
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า กรณีมีข้อท้วงติงเกี่ยวกับบริษัท วีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง จำกัด ที่เป็นผู้เสนอราคาสูงสุดซื้อข้าวสารในสต็อกรัฐบาล 15,000 ตัน ที่โกดัง จ.สุรินทร์ มูลค่ารวมกว่า 286 ล้านบาท แต่บริษัทกลับมีเงินหมุนเวียนเพียง 1-2 ล้านบาทนั้น ขณะนี้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และองค์การคลังสินค้า (อคส.) อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูล
ทั้งนี้ ได้ให้นโยบายไปแล้วว่าให้ตรวจสอบอย่างเต็มที่ อย่าให้สังคมเคลือบแคลงสงสัย เพราะบางคนวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นดราม่าสร้างละครขึ้นมา หรือมีการฮั้วกัน หรือเป็นนอมินีของใคร ซึ่งตนไม่ยินยอมให้มีการฮั้วกัน และไม่ยินยอมให้สร้างนอมินีแน่นอน

ทั้งนี้ อคส.จะประกาศรายชื่อผู้ชนะการประมูลในวันที่ 21 มิ.ย.นี้ โดยระหว่างนี้ คณะกรรมการรับซอง เปิดซอง และต่อรองราคา อยู่ระหว่างเจรจาเพื่อให้ได้ราคาสูงขึ้นอีก จากราคาที่เสนอซื้อสูงสุดกิโลกรัม (กก.) ละ 19.07 บาท หากผู้เสนอราคาซื้อสูงสุดรายแรกไม่เอาข้าวล็อตนี้ หรือทิ้งสัญญา ตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขการเปิดประมูล (ทีโออาร์) จะให้สิทธิผู้เสนอราคาสูงเป็นลำดับที่ 2 มาซื้อข้าว หากรายที่ 2 ให้ราคาต่ำกว่ารายแรก รายแรกจะต้องจ่ายส่วนต่างราคาให้กับรัฐ สำหรับราคาที่ผู้เสนอ

ส่วนกรณีที่ประมูลข้าวแล้ว ผู้ชนะประมูลจะนำไปขายอย่างไร ก็ต้องใส่ใจในคุณภาพมาตรฐานด้วย ไม่ว่าจะขายให้คนไทย หรือต่างประเทศ แต่ไม่น่ากังวลใจอะไร เพราะก่อนขายให้ผู้บริโภคต้องตรวจสอบคุณภาพข้าว ปรับปรุงข้าวจนได้ตามมาตรฐานของหลายหน่วยงาน แต่หัวใจสำคัญคือ ต้องมีคุณค่าทางโภชนาการ
"ขอให้เชื่อมั่นในคุณภาพข้าวไทย เพราะข้าวไทยเป็นสินค้าที่มีชื่อเสียงระดับโลก เราไม่ปล่อยให้ชื่อเสียงเสียหายแน่ ส่วนขบวนการด้อยค่าข้าวไทย ขอร้องให้พอ ใช้เวลามานานแล้ว และการเสนอราคาซื้อก็ได้ราคาสูงใกล้เคียงราคาข้าวใหม่ และกำลังต่อรองราคาเพื่อให้ได้สูงขึ้นอีก น่าจะยอมรับกันได้" นายภูมิธรรม กล่าว