โพล ส.อ.ท. มอง GDP ปี 67 โตต่ำกว่า 2% ห่วงปมขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ-ต้นทุนสูง-หนี้ครัวเรือนฉุดกำลังซื้อ

ข่าวเศรษฐกิจ Monday August 5, 2024 12:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โพล ส.อ.ท. มอง GDP ปี 67 โตต่ำกว่า 2% ห่วงปมขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ-ต้นทุนสูง-หนี้ครัวเรือนฉุดกำลังซื้อ

ม.ล.ปีกทอง ทองใหญ่ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เผยผลสำรวจ FTI CEO Poll ครั้งที่ 40 เดือน ก.ค.67 ในหัวข้อ "ทิศทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทยครึ่งปีหลัง" จากความเห็นของผู้บริหาร ส.อ.ท.จำนวน 143 ราย ครอบคลุมผู้บริหารจาก 46 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 76 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด

  • ภาคอุตสาหกรรมคาดการณ์ GDP ไทยทั้งปี 2567 จะขยายตัวในระดับใด
อันดับ 1 ขยายตัวต่ำกว่า 2% 51.7% อันดับ 2 ขยายตัว 2-3% 39.9% อันดับ 3 ขยายตัว 3-4% 5.6% อันดับ 4 ขยายตัวมากกว่า 4% 2.8%
  • มุมมองที่มีต่อภาวะธุรกิจและยอดขายในช่วงครึ่งแรกของปี 67
อันดับ 1 ทรงตัว 30.8% อันดับ 2 หดตัว 1-10% 23.8% อันดับ 3 ขยายตัว 1-10% 21.0% อันดับ 4 หดตัวมากกว่า 10% 19.6% อันดับ 5 ขยายตัวมากกว่า 10% 4.9%
  • ภาคอุตสาหกรรมคาดการณ์แนวโน้มธุรกิจและยอดขายในช่วงครึ่งปีหลัง
อันดับ 1 ไม่เปลี่ยนแปลง 39.8% อันดับ 2 แย่ลง 32.2% อันดับ 3 ดีขึ้น 28.0%
  • ปัจจัยบวกที่สนับสนุนให้ภาวะเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทยในช่วงครึ่งปีหลังดีขึ้น
อันดับ 1 การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2567 56.0% อันดับ 2 ภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 41.4% อันดับ 3 การส่งออกที่มีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นในช่วงที่เหลือของปี 2567 38.8% อันดับ 4 มูลค่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในอุตฯเป้าหมาย 21.6%
  • ปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทยในช่วงครึ่งปีหลัง
อันดับ 1 การปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศ 54.5% อันดับ 2 ต้นทุนการผลิตที่ผันผวนอยู่ในระดับสูงทั้งจากค่าไฟฟ้า พลังงาน 51.0%

ราคาวัตถุดิบ และค่าขนส่ง

อันดับ 3 สินค้าราคาถูกจากต่างประเทศเข้ามาทุ่มตลาดในประเทศ 38.5%

และตลาดเป้าหมายของไทย

อันดับ 4 กำลังซื้อของประชาชนที่ชะลอตัวจากหนี้ครัวเรือนและ NPL ที่อยู่ในระดับสูง 35.7%
  • มาตรการภาครัฐเพื่อช่วยเหลือและกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง
อันดับ 1 ส่งเสริมกลไกการจ่ายค่าจ้างแรงงานตามทักษะ (Pay by Skill) 55.9%

แทนการปรับค่าแรงขั้นต่ำ

อันดับ 2 ส่งเสริมการใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศ หรือ Made in Thailand 50.3%

ในภาคเอกชนผ่านมาตรการทางภาษี

อันดับ 3 แก้ไขปัญหาหนี้สินของ SMEs และหนี้ครัวเรือนที่มีความเสี่ยงจะเป็นหนี้เสีย 47.6%

(NPL)

อันดับ 4 มาตรการอุดหนุนราคาพลังงานเพื่อลดต้นทุนการผลิต 41.3%
  • แนวทางที่ผู้ประกอบการควรปรับตัวเพื่อรับมือกับความเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลัง
อันดับ 1 นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต 67.1%

และพัฒนาผลิตภัณฑ์/บริการใหม่ๆ

อันดับ 2 นำระบบบริหารจัดการมาช่วยในการลดต้นทุนการผลิต 47.6%

เช่น LEAN Manufacturing

อันดับ 3 สร้างเครือข่ายและพันธมิตรเพื่อร่วมกันแสวงหาโอกาสทางธุรกิจ 47.6% อันดับ 4 ขยายตลาดใหม่หรือทำตลาดในหลายประเทศเพื่อลดความเสี่ยง 45.5%

จากการพึ่งพาตลาดเดียว

  • ภาครัฐควรเร่งปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในระยะยาว
อันดับ 1 ปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบ และทบทวนมาตรการส่งเสริมการลงทุน 48.3%

เพื่อส่งเสริมการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม

อันดับ 2 พัฒนาระบบการศึกษา และส่งเสริมการพัฒนาทักษะแรงงาน 46.9%

Upskill & Reskill & Newskill ให้ตอบโจทย์ความต้องการ

ของภาคอุตสาหกรรมในอนาคต

อันดับ 3 ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี นวัตกรรมแบบมุ่งเป้าในภาคการผลิต 42.7% อันดับ 4 สนับสนุนการลงทุนผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด 26.6%

และการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานสู่ความยั่งยืน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ