คณะกรรมาธิการพัฒนาและปฎิรูปแห่งชาติจีน (NDRC) กล่าวว่า อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ของประชากรต่อหัวของจีน จะยังคงต่ำกว่าระดับการปล่อยก๊าซของสหรัฐไปจนถึงปี 2568 "จากระดับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่น้อยกว่าสหรัฐ ทำให้จีนได้รับแรงกดดันจากประชาคมโลกที่เรียกร้องให้จีนออกมาตรการควบคุมการปล่อยก๊าซไม่มากนัก และปัจจัยดังกล่าวจะทำให้จีนสามารถกำหนดรูปแบบในการพัฒนาเศรษฐกิจที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วได้ยืดหยุ่นมากขึ้น" ริว ฟางจี วิศวกรอาวุโสจาก NDRC กล่าว ทั้งนี้ เป็นที่คาดหมายกันว่า จีนจะแซงหน้าสหรัฐขึ้นเป็นประเทศผู้ปล่อยก๊าซภาวะเรือนกระจกมากที่สุดของโลก แต่จากจำนวนประชากรที่มีมากกว่า 4 เท่า รัฐบาลจึงมักใช้จำนวนประชากรต่อหัวสกัดกั้นเสียงวิพากวิจารณ์เกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากนานาประเทศ นายริวกล่าวในที่ประชุมเหล็กว่า หลังจากปี 2568 จีนจะเดินหน้าคุมเข้มกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมและให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากขึ้น "นับตั้งแต่ปี 2573-93 จีนจะเข้าสู่ช่วงคุมเข้มสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจังมากขึ้น" เขากล่าว NDRC กำลังพยายามอย่างหนักในการยกเลิกอุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานสูงและเป็นมลพิษ โดยกลุ่มผู้ผลิตเหล็กทั่วประเทศได้รณรงค์ให้มีการปิดอุตสาหกรรมดังกล่าว สำนักข่าวซินหัว ไฟแนนซ์รายงาน