ภาวะการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (15 พ.ค.) สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร หลังจากรมว.คลังในกลุ่มประเทศยุโรปได้แสดงท่าทีพอใจที่ค่าเงินยูโรร่วงลงจากระดับสูงสุดเมื่อเทียบกับดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินเยน ปอนด์ และดอลลาร์นิวซีแลนด์ หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สกุลเงินยูโรร่วงลงแตะระดับ 1.5460 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับของวันพุธที่ 1.5475 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่สกุลเงินปอนด์แข็งขึ้นแตะระดับ 1.9472 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.9465 ดอลลาร์/ปอนด์ หากเทียบกับสกุลเงินเยนและฟรังค์สวิส ดอลลาร์อ่อนตัวลงแตะระดับ 104.60 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 105.04 เยน/ดอลลาร์ แต่แข็งแกร่งขึ้นแตะระดับ 1.0558 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0543 ฟรังค์/ดอลลาร์ ส่วนสกุลเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.7635 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7606 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งขึ้นแตะระดับ 0.9414 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.9339 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย ค่าเงินยูโรอ่อนตัวลงแม้สำนักงานสถิติยุโรปเปิดเผยว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจในเขตยุโรปในช่วงไตรมาส 1 ปี 2551 ขยายตัวสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ได้คาดการณ์ไว้ เนื่องจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของเยอรมนีและฝรั่งเศส ในขณะที่เศรษฐกิจของสเปนและอิตาลีมีอัตราการขยายตัวที่ชะลอตัวลง ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในเขตยุโรปขยายตัว 0.7% จากไตรมาสที่แล้วที่ 0.4% โดยอัตราการขยายตัวดังกล่าวสูงกว่าผลการสำรวจที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กได้จัดทำไว้ที่ 0.5% นอกจากนี้ สกุลเงินยูโรยังได้รับปัจจัยลบจากข่าวที่ว่า นายฌอง-คล้อด ยังเกอร์ รมว.คลังลักเซมเบิร์ก ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) แสดงความพอใจที่สกุลเงินยูโรอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ คริสทีน ลาการ์ด รมว.คลังฝรั่งเศสกล่าวว่า ที่ผ่านมานั้นสกุลเงินยูโรแข็งค่ามากกว่าสกุลเงินดอลลาร์อยู่ 20% ซึ่งนับว่ามากเกินไป อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ โดยสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐลดลงสู่ระดับ 19 จุดในเดือนพ.ค. จากระดับ 20 จุด ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะทรงตัวที่ระดับ 20 ในเดือนพ.ค. ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการในระหว่างว่างงาน เพิ่มขึ้น 6,000 ราย แตะระดับ 371,000 ราย ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 10 พ.ค. จากสัปดาห์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 365,000 ราย และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 370,000 ราย