อินโดนีเซียแจงจำเป็นต้องขึ้นราคาน้ำมันเพื่อรับมือปัญหาความยากจน-เงินเฟ้อ

          นายโมฮัมหมัด นูห์ รัฐมนตรีกระทรวงสารสนเทศของอินโดนีเซีย ได้ออกมาชี้แจงถึงสาเหตุที่รัฐบาลอินโดนีเซียตัดสินใจขึ้นราคาน้ำมันอีกประมาณ 30% เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า เป็นเรื่องจำเป็นสำหรับการรับมือกับปัญหาความยากจนและเงินเฟ้อ แม้ว่าจะมีการประท้วงเกิดขึ้นทั่วประเทศ และมีการกล่าวหาว่า กลไกการโอนเงินเพื่อช่วยลดผลกระทบจากราคาน้ำมันพุ่งให้กับประชาชนที่ยากจนนั้น ไม่ได้ส่งถึงมือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ
          รมว.กระทรวงสารสนเทศกล่าวว่า การขึ้นราคาเป็นเรื่องที่จำเป็น เพื่อที่จะพยุงเศรษฐกิจของอินโดนีเซียไว้และไม่ต้องแบกรับภาระกับการให้เงินอุดหนุนราคาน้ำมันมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ หากรัฐบาลไม่ทำอะไร เงินเฟ้ออาจจะสูงขึ้นถึง 2 เท่าเป็น 13.2% จากระดับที่ได้มีการประเมินไว้เบื้องต้นที่ 6.5% ในปีนี้ และอัตราความยากจนอาจจะสูงถึง 15%
          สำนักข่าวธอมสันไฟแนนเชียลรายงานว่า รมว.กระทรวงสารสนเทศกล่าวว่า การที่ราคาสินค้าสูงขึ้นจะทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นประมาณ 11.2% ในปีนี้ แต่อัตราเงินเฟ้อจะตกลงมาอยู่ที่ 5.6% ในปีหน้า ส่วนเงินรูเปียห์ยังคงมีเสถียรภาพอยู่ที่ระดับประมาณ 9,000 รูเปียห์ต่อดอลลาร์สหรัฐ  
          ส่วนการโอนเงิน 14.18 ล้านล้านรูเปียห์ หรือ 1.53 พันล้านดอลลาร์เข้าระบบเพื่อช่วยเหลือครัวเรือนที่ยากจน 19.1 ล้านครัวเรือนนั้นก็ส่งถึงมือผู้ที่มีความจำเป็น แม้ว่าจะมีรายงานว่า ครัวเรือนที่ยากจนบางครัวเรือนจะไม่ได้รับความช่วยเหลือ แต่ครอบครัวที่ค่อนข้างร่ำรวยกลับได้รับความช่วยเหลือ